Astaxanthin by Ploysai
อนุมูลอิสระ
เวลาที่ผิวของเราต้องเผชิญกับมลภาวะฝุ่นละอองควันพิษหรือแม้กระทั่งแสง UV ที่ทำลายผิวของเราสิ่งเหล่านี้
ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยตัวการหลักสำคัญ ที่สร้างสารอนุมูลอิสระในร่างกายของเรา ทำให้เกิดการออกซิเดชั่นที่ส่งผลเสียหายต่อเซลล์ผิวของเรา ไม่ว่าจะเป็นทำให้เกิดริ้วรอยทำลายเซลล์ผิว ผิวแห้งกร้านระคายเคือง หรือแม้กระทั่งผิวขาดความยืดหยุ่น ซึ่งทั้งหมดก็จะยิ่งส่งผลร้ายขึ้นไปอีกทำให้เรามีผิวที่ดูแก่กว่าวัย
แอสต้าแซนธิน
ขอแนะนำสารสกัดแอสต้าแซนธิน ที่เรียกได้ว่าเป็นราชาแห่งสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นสารที่อยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์
ส่วนใหญ่เนี่ยจะพบมากในจำพวก เนื้อปลาแซลมอน เปลือกกุ้ง เปลือกปู สาหร่าย และยีสต์
มักจะถูกพบมากที่สุด ในสาหร่ายที่มีชื่อว่าสาหร่ายฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส (Haematococcus Pluvialis)
แอสต้าแซนธินจากอาหารธรรมชาติ
สารสกัดแอสต้าแซนธินเป็นสารที่ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับสารสกัดตัวนี้จากอาหารที่เรารับประทาน แต่ปริมาณของแอสต้าแซนธินที่จะได้รับจากธรรมชาติในอาหารที่เรารับประทานเข้าไปเนี่ยก็มีอยู่น้อยมากๆเลยทีเดียว อย่างเช่นเวลาที่เราทานเนื้อปลาแซลมอนไป 200 กรัม จะได้แอสต้าแซนธินเพียงแค่ 1 มิลลิกรัมเท่านั้น
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงมาก
มีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การศึกษาประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระ ในสารสกัดต่างๆแล้วได้พบว่า
ในสารสกัดแอสต้าแซนธินมีความสามารถช่วยต้านสารอนุมูลอิสระในร่างกายสูงมาก
แอสต้าแซนธินสามารถต้านสารอนุมูลอิสระในร่างกาย
- แรงกว่า Vitamin C ธรรมดาทั่วไป ถึง 6,000 เท่า
- แรงกว่า CoQ10 800 เท่า
- แรงกว่า Vitamin E 550 เท่า
- แรงกว่า Green tea catechins 550 เท่า
- แรงกว่า Alpha lipoic acid 75 เท่า
- แรงกว่า Beta-Carotene 40 เท่า
- แรงกว่า สารสกัดจากเมล็ดองุ่นถึง 17 เท่า
ชะลอวัย ลดริ้วรอย
สารสกัดแอสต้าแซนธินสามารถเข้าไปช่วยชะลอความชรา และลดริ้วรอยให้กับเซลล์ผิวของเรา จะเข้าไปดักจับกับสารอนุมูลอิสระที่ผลิตออกมา จึงทำให้ผิวหนังของเรา สามารถที่จะเกิดกระบวนการสร้างใหม่ ได้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลทำให้ผิวของเรามีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น ริ้วรอยลดลง และเกิดความสมดุลของเกราะกำบังของเซลล์ผิวของเรา
งานวิจัยผลต่อผู้หญิง ผู้ชาย
มีงานวิจัยพบว่าแอสต้าแซนธินเข้าไปช่วยลดความเสื่อมของร่างกายของเราโดยนักวิจัยชาวญี่ปุ่นได้ทำการศึกษาในกลุ่มผู้หญิง 30 คนและผู้ชาย 36 คน โดยให้กลุ่มอาสาสมัครกลุ่มรับประทานแอสต้าแซนธิน 6 มิลลิกรัมต่อวันต่อเนื่องซึ่งเป็นระยะเวลา 6 และ 8 สัปดาห์
- กลุ่มผู้หญิง 30 คน ได้รับสารสกัดแอสต้าแซนธิน 2 มิลลิกรัมต่อวัน เพิ่มเข้าไปอีกต่อเนื่อง 8 สัปดาห์
พบว่า กลุ่มผู้หญิง ริ้วรอยในบริเวณหางตา ขนาดของจุดด่างดำบริเวณแก้ม ความยืดยื่นของผิว ความเรียบเนียนความชุ่มชื้นของผิว และเซลล์ผิวหนังบริเวณคอนไซของชั้นผิวหนังกำพร้ามีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
- กลุ่มผู้ชายค่ะพบว่าริ้วรอยบริเวณหางตา ความยืดหยุ่นของผิวความชุ่มชื้นของผิวดี ขึ้นและผิวมีการสูญเสียน้ำลดลง
งานวิจัยจึงสรุปได้ว่า สารสกัดแอสต้าแซนธิน ช่วยเสริมผลดีให้แก่สุขภาพผิว ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
มีส่วนช่วยลดเบาหวาน
นอกจากนี้แอสต้าแซนธินยังจะมีส่วนที่จะเข้าไปช่วยลดความเสี่ยง ของการเกิดโรคเบาหวาน
เนื่องจากในคนที่เป็นเบาหวาน จะมีการสร้างสารอนุมูลอิสระออกมาในปริมาณมาก
เมื่อสารอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นเซลล์ตับอ่อนที่สร้างอินซูลินก็จะถูกทำร้ายได้ง่ายขึ้น
ทำให้อินซูลินทำงานผิดปกติในร่างกายของเรา เกิดเป็นภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
จากการศึกษาพบว่า การทานแอสต้าแซนธินเข้าไปจะเข้าไปช่วยลดสารอนุมูลอิสระในเซลล์ตับอ่อน
จึงมีส่วนที่จะเข้าไปช่วย ชะลอการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ให้กับกลุ่มคนที่เป็นโรคเบาหวาน
นอกจากนี้แอสต้าแซนธินก็ยังจะมีส่วน ที่จะเข้าไปช่วยเพิ่มความไวต่อการทำงาน ของอินซูลิน กับเซลล์ภายในร่างกายของเราได้อีกด้วย
มีส่วนช่วยดวงตา
แอสต้าแซนธินยังมีส่วนที่เข้าไปช่วยเพิ่มความแข็งแรง ของบริเวณดวงตา ของเราได้อีก โดยแอสต้าแซนธินจะเข้าไปทำลายสารอนุมูลอิสระ ที่แทรกซึมผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ บริเวณกล้ามเนื้อของดวงตา ทำให้มีการไหลเวียนของเลือดเข้ามาเลี้ยงดวงตาและจอตาได้ดีมากยิ่งขึ้น ช่วยทำให้กล้ามเนื้อที่มีการปรับ ย่อ ขยายเลนสตา มีความแข็งแรงมากขึ้น แล้วยังมีส่วนที่จะเข้าไปช่วยลดอาการเมื่อยล้า จากการหดตัวของกล้ามเนื้อ บริเวณดวงตาของเราได้อีก
มีส่วนช่วยโรคหัวใจ หลอดเลือด
แอสต้าแซนธินมีส่วนที่จะเข้าไปช่วยลดความเสี่ยง ของการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด ให้กับร่างกายของเราได้
โดยแอสต้าแซนธินจะเข้าไป
- ช่วยลดการเกิดออกซิเดชันของ LDL Cholesterol
- ช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์และไขมันรวม
- ช่วยเพิ่ม HDL Cholesterol ที่เป็นไขมันชนิดดีต่อสุขภาพ
มีส่วนช่วยกระเพาะ ทางเดินอาหาร
แอสต้าแซนธินมีส่วนช่วยดูแลสุขภาพ ของกระเพาะอาหาร มีส่วนไปช่วยลด การเกิดการอักเสบ ที่บริเวณทางเดินอาหาร
อันเนื่องมาจากการติดเชื้อ H.pyroli ที่เป็นสาเหตุหลัก ของการเกิดโรคกระเพาะอาหาร และกระเพาะอาหารอักเสบ
ในรูปแบบอาหารเสริม
ร่างกายไม่สามารถที่จะสร้างแอสต้าแซนธินขึ้นได้เอง ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น แต่ในอาหารตามธรรมชาติมีแอสต้าแซนธินปริมาณสัดส่วนที่น้อยมาก เช่น ต้องทานอาหารทะเลเป็นกิโลๆ ในปริมาณที่เยอะมากๆ ถึงจะได้สารแอสต้าแซนธินที่เพียงพอที่จะดูแลฟื้นฟูร่างกายของเรา ซึ่งก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของการค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองตามมาอีก
ดังนั้นควรจะได้รับแนะนำให้ลองหาสารสกัดแอสต้าแซนธินในรูปแบบอาหารเสริมที่ง่ายต่อการรับประทาน
มีรายงานวิจัยได้ระบุไว้ว่าแนะนำให้รับประทานแอสต้าแซนธินวันละ 2-12 มิลกรัมเป็นประจำต่อเนื่องทุกวัน
แอสต้าแซนธินที่ แตกตัว ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี ควรอยู่ในรูปแบบของเม็ดซอฟท์เจลผสมกรดไขมัน เช่นน้ำมันรำข้าว
และน้ำมันรำข้าวก็ยังช่วยเรื่องการดูแลผิวด้วย