แสงสีฟ้า ภัยร้ายของยุคที่ชีวิตติดจอ!!!

มีนาคม 21, 2568
แสงสีฟ้า ภัยร้ายของยุคที่ชีวิตติดจอ!!!

แสงสีฟ้า ภัยร้ายยุคชีวิตติดจอ

 

    แสงสีฟ้า: ในทุกวันนี้ชีวิตประจำวันของเราส่วนใหญ่มักอยู่กับหน้าจอคอม หน้าจอโทรศัพท์ แท็บแลต และสื่ออิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ดวงตาจะได้รับแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์เหล่านี้ไปด้วย ซึ่งเจ้าแสงสีฟ้านี่แหละที่เป็นภัยเงียบที่เข้ามามีผลต่อดวงตาเราโดยตรง 3 ภาวะเสี่ยงที่เกิดจากแสงสีฟ้าได้แก่

  1.  ภาวะตาล้า (Digital Eye Strain) มีอาการล้า คัน เคือง ปวด แสบตา มองภาพไม่ชัด ภาพซ้อน ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา น้ำตาไหล ตาแห้ง ดวงตาไวต่อแสงมากขึ้น
  2. ภาวะเซลล์ประสาทตาตาย เมื่อดวงตาได้รับแสงสีฟ้า จะส่งผลให้เซลล์ดวงตาเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ค่าสายตาผิดปกติเร็วขึ้น เนื่องจากคลื่นแสงพลังงานสูงเหนี่ยวนำให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระ (Free Radical) ในเซลล์ของจอประสาทตา
  3. จอประสาทตาเสื่อม สารเคมีช่วยการมองเห็นในจอตาที่เรียกว่าเรตินอล (Retinal) ทำปฏิกิริยากับแสงสีฟ้า ทำให้เกิดโมเลกุลมีพิษทำลายเยื่อหุ้มเซลล์รับแสงจนเซลล์ตายลง ส่งผลให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรเพราะจอตาไม่สามารถส่งสัญญาณสื่อประสาทไปยังสมองได้
  4. โรคตาแห้ง (Dry Eye) ทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง หรือแสบตา ในบางรายอาจพบอาการตาแดงร่วมด้วย อาการเหล่านี้มักพบในกลุ่มคนที่ใส่คอนแทคเลนส์ และอยู่ในห้องปรับอากาศตลอดเวลา คนที่ผ่าตัดหรือทำเลเซอร์ตา และหากปล่อยให้ตาแห้งเป็นเวลานาน ๆ อาจส่งผลให้เกิดภาวะตาอักเสบ และเสี่ยงต่อภาวะดวงตาติดเชื้อ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการมองเห็นต่อไปในอนาคต
  5. โรคต้อกระจก (Cataract) มีอาการเห็นภาพมัว มีฝ้าขาว ซึ่งแต่ละคนจะมีระดับความรุนแรงของอาการไม่เหมือนกัน


วิธีการดูแลดวงตาจากแสงสีฟ้า ได้แก่

  1.  ลดความสว่างของหน้าจออุปกรณ์ต่าง ๆ
  2. ติดฟิล์มที่หน้าจออุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อช่วยกรองแสงสีฟ้า
  3. พักสายตาทุก ๆ 30 นาที โดยหลับตาพักประมาณ 1 นาที มองไปไกลออกไป 30 วินาที และหาผ้าชุปน้ำอุ่น ๆ ประคบไว้ที่ดวงตาประมาณ 1-2 นาที
  4. สวมแว่นกรองรังสีจากหน้าจออุปกรณ์ต่าง ๆ
  5. กระพริบตา 1-2 ครั้งต่อ 10 วินาที
  6. หาวิตามินเสริมเพื่อดูแลดวงตา ด้วยสารสกัดจากบิลเบอร์รี่ พร้อมเสริมการทำงานของดวงตาด้วยลูทีน


บิลเบอร์รี่ (Bilberry) เป็นผลไม้สีน้ำเงินม่วง ตระกูลเดียวกับเบอร์รีทั้งหลาย และมีนักวิจัย ไมเคิล ที เมอร์เรย์ (Michael T. Murray) ได้กล่าวว่าสาร แอนโธไซยาโนไซด์ (Anthocyanosides)สารสีน้ำเงินหรือม่วงที่พบมากในบิลเบอร์รี มีคุณสมบัติสำคัญคือสารต้านอนุมูลอิสระที่มีบทบาทต่อดวงตา มีผลต่อเซลล์เยื่อบุผิวเรตินาในการมองเห็น และลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา ช่วยป้องกันการเกิดโรคต้อกระจก และป้องกันจอประสาทตาเสื่อม อีกทั้งยังช่วยสร้างความแข็งแรงของคอลลาเจนในเส้นเลือดฝอยที่ตาและเชื่อมต่อเนื้อเยื่อดีขึ้น ลดอาการตาแห้ง ตาล้า และมีส่วนช่วยบรรเทาอาการตาบอดกลางคืน ทำให้การมองเห็นในที่สลัวดีขึ้น ควบคุมการทำงานของเรตินาจอรับแสงป้องกันโรคตาบอดแสง และการมองไม่เห็นในตอนกลางวัน

ลูทีน (Lutein) เป็นสารอาหารในกลุ่มที่เรียกว่าแซนโทฟิลส์ (xanthophylls) มีลักษณะเป็นสารสีเหลือง อยู่ในจำพวกแคโรทีนอยด์ (carotenoids) เป็นสารอาหารที่ช่วยชะลอความเสื่อมของจอประสาทตา ภายในจอประสาทตาจะมีร่องเล็ก ๆ ที่มีเซลล์คอยรับภาพจากจอประสาทตา เป็นจุดที่แสงตกกระทบ และทำให้สามารถมองเห็นภาพที่ชัดเจนในแต่ละวันได้ ซึ่งบริเวณนี้จะพบลูทีนอยู่จำนวนมาก โดยจะพบได้ตรงชั้นเนื้อเยื่อที่หล่อเลี้ยงเส้นประสาท ซึ่งจุดที่สำคัญต่อการมองเห็นเป้นอย่างมาก หากบริเวณดังกล่าวเสื่อม หรือสูญเสียหน้าที่ จะทำให้สูญเสียการมองเห็น หรือตาบอดได้

โดยลูทีน จะทำหน้าที่สำคัญในการกรองแสงสี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในดวงตา อีกทั้งยังเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องจอประสาทตา โดยลูทีนจะทำงานร่วมกับกรดไขมันดีเอชเอ และเอเอ ที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านการมองเห็นของเด็กอีกด้วย

 

References

  1. Gazzolo D, Picone S, Gaiero A, Bellettato M, Montrone G, Riccobene F, et alEarly Pediatric Benefit of Lutein for Maturing Eyes and Brain-An OverviewNutrients2021 [cited 2023July 17]; 13: 1-26Available formhttps://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC8468336/

  2. Mrowicka M, Mrowicki J, Kucharska E, Majsterek ILutein and Zeaxanthin and Their Roles in Age-Related Macular Degeneration-Neurodegenerative DiseaseNutrients2022 [cited 2023 July 17]; 141-14Available form: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC8874683/

  3. Mares JLutein and Zeaxanthin Isomers in Eye Health and DiseaseAnnu Rev Nutr2016 [cited 2023 July 17]; 36: 571-602Available formhttps://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5611842/

  4. Johra F, Bepari A, Bristy A, Reza HA Mechanistic Review of β-Carotene, Lutein, and Zeaxanthin in Eye Health and DiseaseAntioxidants (Basel). 2020 [cited 2023 July 19]; 9: 1-21. Available formhttps://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7692753/

  5. Li LH, Lee JC, Leung HH, Lam WC, Fu Z, Lo ACYLutein Supplementation for Eye DiseasesNutrients2020 [cited 2023 July 19]; 12: 1-27Available formhttps://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7352796/

  6. Muz O, Orhan C, Erten F, Tuzcu M, Ozercan I, Singh P, et alA Novel Integrated Active Herbal Formulation Ameliorates Dry Eye Syndrome by Inhibiting Inflammation and Oxidative Stress and Enhancing Glycosylated Phosphoproteins in RatsPharmaceuticals (Basel). 2020 [cited 2023 July 19]; 13: 1-18Available formhttps://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7599565/

  7. Buscemi S, Corleo D, Di Pace F, Petroni ML, Satriano A, Marchesini GThe Effect of Lutein on Eye and Extra-Eye HealthNutrients2018 [cited 2023 July 19]; 10: 1-24Available formhttps://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6164534/