!!น้ำมันมะพร้าว คุณค่ามหัศจรรย์จากธรรมชาติ!!

มีนาคม 23, 2568
!!น้ำมันมะพร้าว คุณค่ามหัศจรรย์จากธรรมชาติ!!

น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil)

     เป็นหนึ่งในสารสกัดที่ได้รับการยอมรับ และถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย อีกทั้งยังมีการนำมาใช้ในการรักษาโรค อย่าง การรักษาแผลไหม้ ท้องผูก ลำไส้อักเสบ ฆ่าเชื้อในช่องปาก เป็นต้น 

    น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil) เป็นน้ำมันที่ได้จากการสกัดส่วนของเนื้อมะพร้าว โดยแยกเอาเฉพาะส่วนของน้ำมันออกมา โดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

  1. น้ำมันมะพร้าว (Refined Bleaching Deodorizing Coconut Oil: RBD) เป็นน้ำมันที่ได้จากเนื้อมะพร้าวห้าวหรือเนื้อมะพร้าวแห้ง (Copra) ด้วยกรรมวิธีการสกัดด้วยตัวทำละลาย โดยผ่านความร้อนสูง 3 กระบวนการ ได้แก่ 

    • การทำให้บริสุทธิ์ (Refining) 
    • การฟอกสี (Bleaching) และ
    • การกำจัดกลิ่น (Deodorization) 

    ทำให้ได้น้ำมันมะพร้าวที่มีสีเหลืองอ่อน ปราศจากกลิ่น รส และมีกรดไขมันอิสระไม่เกินร้อยละ 0.1 แต่วิตามินอีในน้ำมันมะพร้าวจะถูกกำจัดออกไป

  2. น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ หรือ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น (Virgin Coconut Oil: VCO) เป็นน้ำมันมะพร้าวที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในตอนนี้ โดยมีกรรมวิธีการสกัดโดย
    • ไม่ผ่านกระบวนการที่ใช้ความร้อนสูงและ
    • ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปทางเคมี 
    • มีสีใสเหมือนน้ำ 
    • มีวิตามินอี 
    • ไม่ผ่านกระบวนการเติมออกซิเจน 
    • มีค่าเบอร์ออกไซด์ กรดไขมันต่ำ และ
    • มีกลิ่นมะพร้าวอ่อน ๆ


    น้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันอิ่มตัวเป็นองค์ประกอบหลัก (มากกว่า 90%จากปริมาณกรดไขมันทั้งหมด) ซึ่งกรดไขมันอิ่มตัวที่ได้จากน้ำมันมะพร้าว 

  • เป็นกรดไขมันที่มีขนาดโมเลกุลสายขนาดปานกลาง (Medium chain fatty acid) ที่มีมากถึง 63% เช่น กรดลอริก (Lauric acid) ซึ่งเมื่อรับประทานและถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะถูกเผาผลาญได้ดี สะสมในเนื้อเยื่อไขมัน (Adipose tissue) และ
  • กรดไขมันที่มีขนาดโมเลกุลยาว (Long chain fatty acid) 30% 
  • ที่เหลือเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวสายยาว 7% ซึ่งเป็นกลุ่มกรดไขมันจำเป็นที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งแตกต่างจากกลุ่ม Long chain fatty acids ที่พบใน นม เนย ชีส และไขมันจากสัตว์ทุกชนิด ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพซึ่งควรจะหลีกเลี่ยง

    และด้วยโครงสร้างที่แตกต่างของกรดไขมันจากน้ำมันมะพร้าว จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก ทำให้เมื่อเรารับประทานน้ำมันมะพร้าว ร่างกายจะดูดซึมได้ทันที และจะส่งผ่านไปที่ตับ จากนั้นตับจำทำการเปลี่ยนกรดไขมันเหล่านี้เป็นสารคีโตน ซึ่งสารคีโตนนี้เป็นสารที่เป็นแหล่งพลังงานสำคัญของสมอง ทำให้ช่วยฟื้นฟูความจำ ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ 

    อีกทั้งกรดไขมันจากน้ำมันมะพร้าวจะช่วยให้ต่อมไทรอยด์ทำงานได้ดีขึ้น จึงมีผลให้ระบบเผาผลาญไขมันโดยเฉพาะไขมันช่องท้องทำงานได้ดีมากขึ้น จึงช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน รวมถึงป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้ 

    อกจากนี้ผลพลอยได้จากอัตราการเผาผลาญที่เพิ่มขึ้น ไขมันและน้ำตาลที่สะสมในร่างกายถูกนำไปเผาผลาญเป็นพลังงาน ทำให้ช่วยลดระดับน้ำตาล และลดอัตราการเกิดโรคเบาหวานได้ 

    อีกทั้งน้ำมันมะพร้าวยังช่วยบำรุงผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น บำรุงผม ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราอีกด้วย

    อย่างไรก็ตาม การรับประทาน "น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น" ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน มีการบรรจุจัดเก็บที่ดี เพื่อคงคุณภาพของสารสกัด และลดการปนเปื้อนก่อนที่เราจะรับประทานเข้าสู่ร่างกาย และการรับประทานน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเพื่อช่วยในการลดน้ำหนัก แนะนำให้ทานควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารให้เหมาะสมในแต่ละวัน และออกกำกายอย่างสม่ำเสมอ