สมองล้า ... Ginkgo Biloba เคล็ดลับเพิ่มพลัง บำรุงสมอง

มีนาคม 16, 2568
สมองล้า ... Ginkgo Biloba เคล็ดลับเพิ่มพลัง บำรุงสมอง

Ginkgo Biloba เคล็ดลับบำรุงสมอง

สมองล้า จากภาวะทางสังคมที่มีการแข่งขันที่สูงขึ้น ปัจจัยมากมายรอบตัวที่เข้ามามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิต จึงส่งผลให้เกิดความเครียด แต่เมื่อชีวิตเรายังคงต้องดำเนินต่อไปในทุก ๆ วัน ทำให้เกิดเป็นความเครียดสะสมขึ้นเรื่อย ๆ จนส่งผลให้ “สมองล้า” (Brain fog syndrome) การทำงานของสมองในส่วนของความจำก็จะทำงานลดลง เริ่มมีอาการ เบลอ ๆ รู้สึกไม่สดชื่น มึนหัว พอหนักขึ้นก็เริ่ม นอนไม่หลับ ปวดหัวบ่อยขึ้นและเรื้อรัง สายตาพร่ามัว ความจำระยะสั้นแย่ลง ขี้หลงขี้ลืม และหงุดหงิดง่ายขึ้น หากยังปล่อยไว้ไม่ได้รักษาก็จะเสี่ยงที่จะเกิดโรคความจำเสื่อมก่อนวัย โรคอัลไซเมอร์ และโรคพาร์กินสันได้

อาการ “สมองล้า” เป็นภาวะหนึ่งที่เกิดขึ้นกับสมอง มีผลมาจากความเครียดที่สะสมจากการใช้งานสมองอย่างหนักเป็นระยะเวลานาน ส่วนหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันอย่าง การพักผ่อนน้อย การนอนดึก การทำงานโต้รุ่ง การเร่งทำงานให้เสร็จทันเวลา หรือแม้กระทั่งการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ พฤติกรรมเหล่านี้เป็นสิ่งกระตุ้นให้สารเคมีในสมอง หรือที่เรียกว่าสารสื่อประสาท ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาททำงานลดลงและเสียสมดุล สมองจึงทำงานได้น้อยลงและเกิดเป็นอาการต่างตามที่กล่าวข้างต้น วันนี้เราจึงมาแนะนำตัวช่วยดี ๆ จากธรรมชาติ ที่ปลอดภัยกับร่างกายมาเป็นตัวเสริม และเพิ่มพลังสมองอย่าง “แปะก๊วย” มาฝาก


แปะก๊วย” (Ginkgo biloba L.) หรือ “สารสกัดจากใบแปะก๊วย” พืชใบสีเขียวที่มีสรรพคุณมากมายหลายด้าน มีสารสำคัญหลักอย่าง สารเทอร์พีนอยด์ (Terpinoidal compounds) ได้แก่ ไบโลบาไลด์ (Bilobalide) ไดเทอร์ปีนแลคโตน 5 ชนิด ที่รวมตัวกันเรียก กิงโกไลต์ (Ginkgolides) และสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) จึงทำให้สารสกัดจากใบแปะก๊วย มีคุณสมบัติสำคัญมากมายที่ไม่ใช่แค่เพียงเพิ่มพลังและบำรุงสมอง แต่ยังสามารถช่วยฟื้นฟูระบบภายในของร่างกายให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จนได้รับการยอมรับและในบางประเทศมีการประกาศให้แปะก๊วยเป็นตัวยาที่แพทย์แผนปัจจุบันมีการสั่งจ่ายในการรักษา อีกทั้งยังมีศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของสารสกัดใบแปะก๊วยถึงผลในการรักษามากมาย อย่าง

  • ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant activity) ที่มีการศึกษาฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดจากใบแปะก๊วย พบว่า สามารถช่วยลดปริมาณการผลิตอนุมูลอิสระ ป้องกัน LDL จากภาวะเครียด ป้องกันเม็ดเลือดแดงจาก EGB-761 สารที่ทำลายเซลล์ประสาท และยังป้องกันจอตา (Retina) จากความเสื่อมของเซลล์ประสาท
  • ฤทธิ์การไหลเวียนของโลหิตไปยังสมอง (Cerebral blood flow increase) จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่ได้รับสารสกัดใบแปะก๊วยขนาด 120-300 มิลลิกรัม/คน/วัน เป็นเวลา 4-12 สัปดาห์ มีผลเพิ่มปริมาณโลหิตที่ไปเลี้ยงสมอง ทำให้อาการต่าง ๆ ที่เกิดจากโลหิตไปเลี้ยงสองไม่เพียงพอดีขึ้นภายใน 4 สัปดาห์ และหลังจากรับประทานต่อเนื่อง 12 สัปดาห์ อาการดีขึ้นชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก และจากการศึกษากับกลุ่มผู้ป่วยโลหิตไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ จำนวน 90 คน โดยให้รับประทานสารสกัดใบแปะก๊วยขนาด 150 มิลลิกรัม/วัน  เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่า ผู้ป่วยมีความจำดีขึ้น ระยะเวลาของความตั้งใจใจการทำงานเพิ่มขึ้น ความสามารถในการทำงานต่าง ๆ ที่ต้องใช้การปรับตัว และการตัดสินใจที่รวดเร็วดีขึ้น
  • ฤทธิ์ที่ช่วยให้ความจำดีขึ้น (Memory enhancement effect) โดยการศึกษาฤทธิ์ที่ช่วยให้ความจำดีขึ้นในผู้ป่วยสูงอายุ 18 คน ที่มีภาวะความจำเสื่อมจากความชรา พบว่า เมื่อผู้ป่วยรับประทานสารสกัดจากใบแปะก๊วยขนาด 320 มิลลิกรัม/คน สามารถช่วยให้ความจำของผู้ป่วยดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น การศึกษาฤทธิ์กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต การศึกษาฤทธิ์ในการเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ และการศึกษาฤทธิ์เพิ่มการมองเห็น ฯลฯ มีผลไปในทิศทางเดียวกัน คือมีผลดีขึ้นเพิ่มเติมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ อีกทั้งสารสกัดจากใบแปะก๊วยยังมีสารสำคัญอย่าง เอเชียติโคไซค์ (Asiaticoside) เอเชียติคแอซิค (Aisatic Acid) และบลามิโนไซด์ (Brahimnoside) ที่ช่วยเข้าไปยับยั้งการสร้างสารที่ทำลายเซลล์สมอง ลดความเครียดของสมองจากการทำงานหนัก และช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานของกำลังสมองอีกด้วย


การดูแลรักษาฟื้นฟูสมองด้วยการปรับการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอาจยังไม่เพียงพอต่อการรักษาฟื้นฟู เนื่องจากสิ่งต่าง ๆ ภายนอกไม่ว่าจะเป็น คลื่นแม่เหล็กจาก คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ที่เข้าไปรบกวนสารสื่อประสาท ความเครียดที่เกิดโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว การนอนดึก การนอนไม่เพียงพอ การที่ขาดการออกกำลังกาย ที่ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองลดลง การที่ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และการที่ร่างกายได้รับสารพิษจากมลภวะ สารเคมีจากอาหาร หรือสิ่งปนเปื้อนที่ปนมากับอากาศ ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่มีผลกระทบที่มีผลต่อสมองที่ยากจะหลีกเลี่ยง ได้การเพิ่มตัวช่วยเข้ามาช่วยเพิ่มพลังสมองจึงสำคัญอย่างมากเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว

 

ประโยชน์ของ “สารสกัดแปะก๊วย (Ginkgo Biloba Extract)”

แปะก๊วย เป็นหนึ่งในสปีชีส์พืชที่เก่าแก่ที่สุดบนโลก ใบและเมล็ดถูกใช้เป็นยามาเป็นศตวรรษในประเทศจีน เริ่มแรกใช้รักษาหอบหืดและปัญหาระบบย่อยอาหาร ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ทศวรรษที่หกสิบ และปัจจุบันนับเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์สมุนไพรทางยาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก [1]

เมื่อต้นทศวรรษ 1970 บริษัท Dr. Willmar Schwabe Pharmaceuticals (คาร์ลสรูเฮอ เยอรมนี) ได้พัฒนาวิธีสกัดและทำมาตรฐานสารสกัดจากใบแปะก๊วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผลิตสารสกัดเข้มข้นและมีความคงตัวสูงจากใบแปะก๊วย สารสกัดมาตรฐานจากใบแปะก๊วยประกอบด้วย เทอร์พีนอยด์ 6% (โดยที่ 3.1% เป็นกินกโกลไลด์ A, B, C และ J และ 2.9% เป็นบิโลบาลิด), ฟลาโวนอยด์ไกลโคไซด์ 24% (เช่น เควอซิติน แคมป์เฟอรอล อิซอราห์มเนติน ฯลฯ) และ กรดอินทรีย์ 5–10% [2]

สารออกฤทธิ์สำคัญของสารสกัดแปะก๊วยคือ ฟลาโวนอยด์ และ เทอร์พีนอยด์ ฟลาโวนอยด์ช่วยส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต โดยเฉพาะ การไหลเวียนเลือดในสมอง จึงใช้กับภาวะต่าง ๆ เช่น โรคอัลไซเมอร์และภาวะความจำเสื่อมที่เกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองลดลง นอกจากนี้ สารสกัดยังมีคุณสมบัติ ต้านอนุมูลอิสระ [3] และ ปกป้องระบบประสาท [2]


 

คุณสมบัติของสารสกัดแปะก๊วย

 

ภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์

ประชากรโลกที่สูงวัยอย่างรวดเร็วทำให้ความชุกของภาวะบกพร่องทางสติปัญญาเล็กน้อย ภาวะสมองเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์เพิ่มขึ้น อายุเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ หลังอายุ 65 ปี ความชุกของภาวะสมองเสื่อมจะ เพิ่มเป็นสองเท่าทุก ๆ 5 ปี พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากอายุขัยของผู้หญิงยาวกว่า [4]

มีการศึกษาที่รายงานผลเชิงบวกของสารสกัดแปะก๊วยต่อโรคอัลไซเมอร์ การเพิ่มความจำ ภาวะสมองเสื่อมจากหลอดเลือด และความผิดปกติด้านสติปัญญา สารสกัดมีผล ปรับการไหลเวียนเลือดในสมอง และอาจช่วยลดความเหนื่อยล้าและความไม่ใส่ใจ [2] อย่างไรก็ดี บางการศึกษาไม่พบว่าสารสกัดแปะก๊วยสามารถ ป้องกันการดำเนินโรค ของภาวะสมองเสื่อมได้ อย่างไรก็ตาม หลายการศึกษาชี้ว่า สารสกัดแปะก๊วย ส่งเสริมประสิทธิผล ในด้านการปรับปรุงการรู้คิด พฤติกรรม ความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ รวมทั้งช่วย ลดภาระของผู้ดูแล [4]

 

จอประสาทตาเสื่อมจากอายุ (AMD)

AMD เป็นภาวะที่มีผลต่อบริเวณศูนย์กลางของเรตินา (ส่วนหลังของตา) เรตินาเสื่อมลงตามอายุและบางคนเกิดรอยโรคที่นำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นส่วนกลาง ปัจจัยด้านหลอดเลือดและความเสียหายจากออกซิเดชันเป็นกลไกสำคัญในพยาธิกำเนิดของโรค สารสกัดแปะก๊วยมี ฟลาโวนอยด์และเทอร์พีนอยด์ ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เชื่อว่าอาจช่วย ชะลอการดำเนินของ AMD ผ่านหลายกลไก ได้แก่ เพิ่มการไหลเวียนเลือด ยับยั้ง platelet-activating factor และป้องกันความเสียหายของเยื่อหุ้มเซลล์จากอนุมูลอิสระ [5]

 

ต้อหิน

ต้อหินเป็นสาเหตุสำคัญของความบกพร่องทางการมองเห็นแบบถาวรและตาบอด แม้กลไกของโรคจะยังไม่ชัดเจน แต่ ความเครียดออกซิเดชัน ภาวะขาดเลือดของเส้นประสาทตา และการอักเสบของระบบประสาท มีบทบาทในความเสื่อมของเส้นประสาทตา เชื่อว่าสารสกัดแปะก๊วยอาจ ปกป้องเนื้อเยื่อจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ คล้ายสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ เช่น วิตามิน C และ E แต่ต่างกันตรงที่สารสกัดออกฤทธิ์ในระดับ ออร์แกเนลล์ โดย ทำให้ไมโทคอนเดรียคงตัว (ความผิดปกติของไมโทคอนเดรียสัมพันธ์กับต้อหิน) [6]

สารสกัดแปะก๊วยยังมี คุณสมบัติทำให้หลอดเลือดขยาย ช่วยปรับปรุงการไหลเวียนเลือดที่หัวใจและส่วนปลาย และอาจช่วยลด ความหนืดของเลือด [6] นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าเกี่ยวข้องกับ การปรับปรุงลานสายตาที่เสื่อมลง ในผู้ป่วยต้อหินมุมเปิด [7] ด้วยประโยชน์ด้าน ต้านอนุมูลอิสระ ควบคุมหลอดเลือด และต้านการอักเสบ สารสกัดแปะก๊วยจึงถือเป็น สารปกป้องระบบประสาท และอาจช่วย ปรับปรุงการมองเห็น ในผู้ป่วยต้อหิน [6]

 

ความเครียดออกซิเดชัน

ความเครียดออกซิเดชันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่ก่อให้เกิดการทำลายและดำเนินต่อเนื่องในเนื้อเยื่อหนึ่งหรือหลายส่วนของร่างกาย นำไปสู่การทำงานของอวัยวะบกพร่อง แก่ก่อนวัย และบางครั้งก่อโรคและเสียชีวิต การเผชิญความเครียด รังสี การติดเชื้อ และควัน ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก ส่งผลให้ดีเอ็นเอเปลี่ยนแปลงและนำไปสู่โรคจากออกซิเดชัน เช่น โรคหัวใจและมะเร็ง การใช้สารสกัดแปะก๊วยอาจช่วยชะลอกระบวนการนี้ ได้ [1]

สารสกัดแปะก๊วยมีคุณสมบัติ ต้านอนุมูลอิสระ โดยช่วยปรับการแสดงออกของเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระให้เพิ่มขึ้น และลดการเกิด reactive oxygen species และ reactive nitrogen species นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติ ต้านการอักเสบ โดยยับยั้งการแสดงออกของไซโตไคน์ก่อการอักเสบ เช่น IL-1, IL-6, TNF-α จึงช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของโรคที่เกิดจากกระบวนการเครียดออกซิเดชัน [1]


 

คำเตือน ปฏิกิริยาระหว่างยา และอาการไม่พึงประสงค์ของสารสกัดแปะก๊วย

ปัญหาทางคลินิกที่สำคัญที่สุดของแปะก๊วยเกิดจาก ฤทธิ์ยับยั้ง platelet-activating factor (PAF) ดังนั้นการใช้แปะก๊วยร่วมกับ วาร์ฟาริน แอสไพริน หรือยาต้านเกล็ดเลือดอื่น ควร ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แปะก๊วยโดยทั่วไปทนได้ดี อาการไม่พึงประสงค์พบไม่บ่อย มักอาการไม่รุนแรง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ใจสั่น กระสับกระส่าย อ่อนแรง หรือผื่นผิวหนัง แม้ยังไม่มีการศึกษาที่สนับสนุนข้อจำกัดการใช้ใน หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร แต่เนื่องจากขาดข้อมูล จึงควร หลีกเลี่ยงการใช้ ในกลุ่มดังกล่าว [8]


 

เอกสารอ้างอิง

  1. Achete de Souza G, de Marqui SV, Matias JN, Guiguer EL, Barbalho SM. Effects of Ginkgo biloba on Diseases Related to Oxidative Stress. Planta Medica. 2020;86:376–86. เข้าถึงจาก: https://www.thieme-connect.com/products/ejournals/abstract/10.1055/a-1109-3405

  2. Singh SK, Srivastav S, Castellani RJ, Plascencia-Villa G, Perry G. Neuroprotective and Antioxidant Effect of Ginkgo Biloba Extract Against AD and Other Neurological Disorders. Neurotherapeutics. 2019;16:666–74. เข้าถึงจาก: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6694352/

  3. Sellami M, Slimeni O, Pokrywka A, Kuvačić G, D Hayes L, Milic M, Padulo J. Herbal medicine for sports: a review. J Int Soc Sports Nutr. 2018;15:1–14. เข้าถึงจาก: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5856322/

  4. Kandiah N, Ong PA, Yuda T, Ng LL, Mamun K, Merchant RA, et al. Treatment of dementia and mild cognitive impairment with or without cerebrovascular disease: Expert consensus on the use of Ginkgo biloba extract, EGb 761®. CNS Neurosci Ther. 2018;25:288–98. เข้าถึงจาก: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6488894/

  5. Evans J. Ginkgo biloba extract for age-related macular degeneration (Review). Cochrane Database Syst Rev. 2013:1–15. เข้าถึงจาก: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7061350/

  6. Ige M, Liu J. Herbal Medicines in Glaucoma Treatment. Yale J Biol Med. 2020;93:347–53. เข้าถึงจาก: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7309662/

  7. Bungau S, Abdel-Daim MM, Tit DM, Ghanem E, Sato S, Maruyama-Inoue M, et al. Health Benefits of Polyphenols and Carotenoids in Age-Related Eye Diseases (Review). Oxid Med Cell Longev. 2019:1–22. เข้าถึงจาก: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6390265/

  8. Sierpina VS, Wollschlaeger B, Blumenthal M. Ginkgo Biloba. Am Fam Physician. 2003;68:923–6. เข้าถึงจาก: https://www.aafp.org/afp/2003/0901/p923.html