รู้จักแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต
แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต
- การดูแลสุขภาพกระดูกและฟันให้แข็งแรง เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลง ร่างกายไม่สะสมแคลเซียม ตลอดจนผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน และผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน ดังนั้นการเลือกชนิด ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแคลเซียมให้เหมาะสม จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ต่อตนเอง
แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต คืออะไร
- เป็นแร่ธาตุที่ มีส่วนช่วย ความหนาแน่นมวลกระดูก เสี่ยงกระดูกพรุน และสุขภาพฟัน
- แคลเซียมในอาหารเสริม ที่พบบ่อย มี 3 ชนิด
- Calcium Carbonate
- CalCium Citrate
- Calcium L-Threonate
- แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต เป็นแคลเซียมโมเลกุลเล็ก ร่างกายจึงสามารถละลายและดูดซึมได้ 90 - 95%
แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต สกัดจากข้าวโพด จากขั้นตอน ได้วิตามินซี และส่วนประกอบของ กรดแอลทรีโอนิก (L-Threonic Acid) ซึ่งช่วยกระตุ้นการออกฤทธิ์ของวิตามินซีในร่างกาย ที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน และเพิ่มน้ำไขข้อ
ขั้นตอนการผลิตแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต
แคลเซียมทั่วไป ได้มาจาก หิน กระดูกสัตว์ เปลือกหอย แต่แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต ผลิตมาจากข้าวโพด โดยมีกรรมวิธี
- แป้งข้าวโพด (Corn starch) → ผ่านกระบวนการหมัก/เอนไซม์ → ได้ กลูโคส
- กลูโคส → หมักต่อด้วยแบคทีเรีย/จุลินทรีย์ → ได้ วิตามินซี (Ascorbic acid)
- วิตามินซี → ผ่านกระบวนการออกซิไดซ์บางส่วน → ได้ L-Threonic acid
- L-Threonic acid + Calcium salt → ได้ Calcium L-Threonate
แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต ต่างจากแคลเซียมฟอร่มอื่นๆ อย่างไร?
- การดูดซึมเข้าสู่ร่างกายไม่เท่ากัน แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต ดูดซึมได้ดีกว่า 6-9 เท่า
- ถ้าดูดซึมได้ดี รับเข้าร่างกายจะใช้ปริมาณน้อยกว่า ถ้าดูดซึมได้น้อย เราต้องรับปริมาณมากขึ้น จึงจะเห็นผลเท่ากัน
- ผลข้างเคียง เช่นอาการท้องผูก ท้องอืดน้อยมาก
- ไม่จำเป็นต้องใช้กรดในกระเพาะสำหรับการดูดซึม จึงไม่จำเป็นต้องกินพร้อมมื้ออาหารเหมือนแคลเซียมชนิดอื่น
จากบทความ “เรื่องแคลเซียมต้องรู้” ของโรงพยาบาลกรุงเทพ
ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์แคลเซียมเองได้ สามารถหาแคลเซียมได้จาก 2 แหล่ง คืออาหาร หรืออาหารเสริม
อาหารเสริมแคลเซียม มี 3 ตระกูล ดูจาก ‘นามสกุล’ ได้แก่
- Calcium ‘Carbonate’ ดูดซึมได้ 10% , มีอาการ ท้องอืด, ท้องผูก
- Calcium ‘Citrate’ ดูดซึมได้ 50% ต้องกินพร้อมอาหาร (ทำงานได้ต่อเมื่อมีกรดในกระเพาะเท่านั้น)
- Calcium ‘L Threonate’ ดูดซึมได้ 90% กินตอนท้องว่างได้
| Carbonate | Citrate | L Threonate | |
| ดูดซึม | 10% | 50% | 90% |
| ปริมาณที่ใช้ | สูง 40% | กลาง 21% | น้อย 13% |
| การดูดซึม | พึ่งกรดในกระเพาะ | พึ่งกรดในกระเพราะ | กินเมื่อไหร่ก็ได้ |
| ผลข้างเคียง | ท้องผูกท้องอืด | ท้องผูกน้อยกว่า | น้อยมาก |
| ราคา | ถูก | ปานกลาง | สูง |
ข้อควรรู้แคลเซียมในรูปแบบอาหารเสริม
- ควรเลือกชนิดดูดซึมได้ดี การกินแคลเซียมชนิดที่ดูดซึมไม่ดี อาจทำให้มีอาการท้องผูก ท้องอืด
- ไม่รับแคลเซียมมากเกินความจำเป็น เพราะอาจทำให้เกิดการสะสมของหินปูนในเต้านม ไต หลอดเลือด
- แคลเซียมควรทานควบคู่กับวิตามินดี จะช่วยยิ่งทำให้ลำไส้ดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น
- Vitamin D3 ช่วยดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้ สนับสนุนกระดูก-กล้ามเนื้อ ช่วยให้แคลเซียมทำงานได้เต็มที่
- Vitamin K2 นำทางแคลเซียมไปที่เนื้อกระดูก ป้องกันไม่ให้แคลเซียมสะสมผิดที่ เช่นที่ หลอดเลือด หัวใจ หรือไต
- Magnesium ช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่และควบคุมไม่ให้แคลเซียมจับตัวเป็นก้อนผิดที่ เช่นหลอดเลือด ไต
- Boron ช่วยการดูดซึมแคลเซียม ลดการสูญเสียแคลเซียมทางปัสสาวะ ช่วยลดกระดูกพรุน กระดูกแข็งแรงขึ้น
- สารสกัดหญ้าหางม้า: แหล่งซิลิกา ให้ซิลิกา/ซิลิคอนซึ่งเป็นองค์ประกอบของเมทริกซ์กระดูก-คอลลาเจน
- Copper สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินร่วมกับวิตามีนซี ทำให้กระดูกและข้อต่อ แข็งแรง ยืดหยุ่น

ปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละช่วงอายุ
- อายุ < 40 ปี 800 mg / วัน = นม 3 – 4 แก้ว
- วัยทอง (~50 ปี) 1000 mg / วัน = นม 4 – 5 แก้ว
- ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์, อายุ > 60ปี 1200 mg / วัน = นม 6 – 7 แก้ว
- ผู้หญิงมีโอกาสกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนมากถึง 30 – 40% ส่วนผู้ชาย 10%
- 10 ปีแรกหลังหมดประจำเดือน กระดูกจะบางลงเร็วมาก เกิดจากการขาดฮอร์โมนเพศหญิง หรือ Estrogen การเสริม Calcium จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน
แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต เหมาะกับใคร
วัยหมดประจำเดือน / อายุ 50+
เสี่ยงมวลกระดูกลดลงจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ต่ำลงคนที่รับแคลเซียมจากอาหารไม่พอ
ไม่ทานนม/ชีส/โยเกิร์ต, กินมังสวิรัติ/วีแกนแบบจำกัด หรือควบคุมอาหารคนที่ท้องอืดหรือไม่ถูกกับแคลเซียมรูปแบบอื่น
L-Threonate มักอ่อนโยนต่อกระเพาะ ละลายได้ดีแม้กรดในกระเพาะน้อยผู้ที่มีความเสี่ยงกระดูกพรุน/กระดูกบาง
มีประวัติครอบครัว กระดูกหักง่าย เคยตรวจความหนาแน่นกระดูกต่ำ (T-score ต่ำ)ผู้ที่ใช้ยาหรือมีภาวะที่เร่งสลายกระดูก
ใช้สเตียรอยด์เรื้อรัง, ภาวะไทรอยด์ทำงานเกิน, ขาดวิตามิน Dนักกีฬา/ผู้ที่ใช้งานร่างกายหนัก
เสี่ยงกระดูกล้า/กระดูกลาย (stress fracture) ต้องการซ่อมแซมเร็วผู้สูงอายุที่ดูดซึมได้ไม่ดี
L-Threonate เหมาะเพราะดูดซึมได้ดีและไม่ต้องพึ่งกรดในกระเพาะมาก
ใครที่ “ควรเลี่ยง” หรือ ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน
ภาวะแคลเซียมสูงในเลือด (Hypercalcemia)
เช่น ภาวะพาราไทรอยด์ทำงานเกิน, ซาร์คอยโดซิสนิ่ว แคลเซียมออกซาเลต/ฟอสเฟต, โรคไตเรื้อรังระยะกลาง–ปลาย
ใช้ยาบางชนิดที่มีปฏิกิริยากับแคลเซียม
เช่น ยากลุ่มไทรอยด์ฮอร์โมน (levothyroxine), ยาปฏิชีวนะ tetracycline/quinolone,
ยากระดูกพรุนกลุ่ม bisphosphonates — ควรแยกเวลาทานอย่างน้อย 2 ชม.หญิงตั้งครรภ์/ให้นมบุตร → ควรประเมินปริมาณกับแพทย์/พยาบาลก่อน
แคลเซียมไม่ใช่ยา หรือวิธีรักษา โรคข้อเข่าเสื่อม (ไม่มีหลักฐานวิจัย สามารถซ่อมกระดูก ข้อเข่า ควรปรึกษาแพทย์)
แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต ไม่ควรทานคู่กับอะไรบ้าง
| สาร | เหตุผล |
| ธาตุเหล็ก | แคลเซียมยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็ก |
| สังกะสีขนาดสูง | แข่งกันดูดซึมในลำไส้ ทำให้การดูดซึมลดลงทั้งคู่ ควรเว้นระยะอย่างน้อย 2 ชั่วโมง |
| ไฟเบอร์ปริมาณสูง | ไฟเบอร์จับกับแคลเซียม ลดการดูดซึม ตกตะกอนไม่ถูกดูดซึม ควรเว้น 2 ชั่วโมง |
| ฟอสฟอรัส/ฟอสเฟต | จับกับแคลเซียม กลายเป็น แคลเซียมฟอสเฟต ร่างกายดูดซึมไม่ไ่ด้ |