รู้จักแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต

กันยายน 04, 2568
รู้จักแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต

แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต

 

 - การดูแลสุขภาพกระดูกและฟันให้แข็งแรง เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลง ร่างกายไม่สะสมแคลเซียม ตลอดจนผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน และผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน ดังนั้นการเลือกชนิด ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแคลเซียมให้เหมาะสม จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ต่อตนเอง 

 

แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต คืออะไร

  • เป็นแร่ธาตุที่ มีส่วนช่วย ความหนาแน่นมวลกระดูก เสี่ยงกระดูกพรุน และสุขภาพฟัน
  • แคลเซียมในอาหารเสริม ที่พบบ่อย มี 3 ชนิด
    • Calcium Carbonate
    • CalCium Citrate
    • Calcium L-Threonate
  • แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต เป็นแคลเซียมโมเลกุลเล็ก ร่างกายจึงสามารถละลายและดูดซึมได้ 90 - 95% 
  • แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต สกัดจากข้าวโพด จากขั้นตอน ได้วิตามินซี และส่วนประกอบของ กรดแอลทรีโอนิก (L-Threonic Acid) ซึ่งช่วยกระตุ้นการออกฤทธิ์ของวิตามินซีในร่างกาย ที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน และเพิ่มน้ำไขข้อ

     

ขั้นตอนการผลิตแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต

      แคลเซียมทั่วไป ได้มาจาก หิน กระดูกสัตว์ เปลือกหอย แต่แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต ผลิตมาจากข้าวโพด โดยมีกรรมวิธี

  • แป้งข้าวโพด (Corn starch) → ผ่านกระบวนการหมัก/เอนไซม์ → ได้ กลูโคส 
  • กลูโคส → หมักต่อด้วยแบคทีเรีย/จุลินทรีย์ → ได้ วิตามินซี (Ascorbic acid) 
  • วิตามินซี → ผ่านกระบวนการออกซิไดซ์บางส่วน → ได้ L-Threonic acid 
  • L-Threonic acid + Calcium salt → ได้ Calcium L-Threonate 

 

แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต ต่างจากแคลเซียมฟอร่มอื่นๆ อย่างไร?
  • การดูดซึมเข้าสู่ร่างกายไม่เท่ากัน แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต ดูดซึมได้ดีกว่า 6-9 เท่า
  • ถ้าดูดซึมได้ดี รับเข้าร่างกายจะใช้ปริมาณน้อยกว่า ถ้าดูดซึมได้น้อย เราต้องรับปริมาณมากขึ้น จึงจะเห็นผลเท่ากัน
  • ผลข้างเคียง เช่นอาการท้องผูก ท้องอืดน้อยมาก 
  • ไม่จำเป็นต้องใช้กรดในกระเพาะสำหรับการดูดซึม จึงไม่จำเป็นต้องกินพร้อมมื้ออาหารเหมือนแคลเซียมชนิดอื่น

 

 จากบทความ “เรื่องแคลเซียมต้องรู้” ของโรงพยาบาลกรุงเทพ

ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์แคลเซียมเองได้ สามารถหาแคลเซียมได้จาก 2 แหล่ง คืออาหาร หรืออาหารเสริม
อาหารเสริมแคลเซียม มี 3 ตระกูล ดูจาก ‘นามสกุล’ ได้แก่

  • Calcium ‘Carbonate’ ดูดซึมได้ 10% , มีอาการ ท้องอืด, ท้องผูก 
  • Calcium ‘Citrate’ ดูดซึมได้ 50% ต้องกินพร้อมอาหาร (ทำงานได้ต่อเมื่อมีกรดในกระเพาะเท่านั้น)
  • Calcium ‘L Threonate’ ดูดซึมได้ 90% กินตอนท้องว่างได้ 

 

 CarbonateCitrateL Threonate
ดูดซึม10%50%90%
ปริมาณที่ใช้สูง 40%กลาง 21%น้อย 13%
การดูดซึมพึ่งกรดในกระเพาะพึ่งกรดในกระเพราะกินเมื่อไหร่ก็ได้
ผลข้างเคียงท้องผูกท้องอืดท้องผูกน้อยกว่าน้อยมาก
ราคาถูกปานกลางสูง
 

ข้อควรรู้แคลเซียมในรูปแบบอาหารเสริม
  • ควรเลือกชนิดดูดซึมได้ดี การกินแคลเซียมชนิดที่ดูดซึมไม่ดี อาจทำให้มีอาการท้องผูก  ท้องอืด
  • ไม่รับแคลเซียมมากเกินความจำเป็น เพราะอาจทำให้เกิดการสะสมของหินปูนในเต้านม ไต หลอดเลือด
  • แคลเซียมควรทานควบคู่กับวิตามินดี จะช่วยยิ่งทำให้ลำไส้ดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น
  • Vitamin D3 ช่วยดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้ สนับสนุนกระดูก-กล้ามเนื้อ ช่วยให้แคลเซียมทำงานได้เต็มที่
  • Vitamin K2 นำทางแคลเซียมไปที่เนื้อกระดูก ป้องกันไม่ให้แคลเซียมสะสมผิดที่ เช่นที่ หลอดเลือด หัวใจ หรือไต
  • Magnesium ช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่และควบคุมไม่ให้แคลเซียมจับตัวเป็นก้อนผิดที่ เช่นหลอดเลือด ไต
  • Boron ช่วยการดูดซึมแคลเซียม ลดการสูญเสียแคลเซียมทางปัสสาวะ ช่วยลดกระดูกพรุน กระดูกแข็งแรงขึ้น
  • สารสกัดหญ้าหางม้า: แหล่งซิลิกา ให้ซิลิกา/ซิลิคอนซึ่งเป็นองค์ประกอบของเมทริกซ์กระดูก-คอลลาเจน
  • Copper สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินร่วมกับวิตามีนซี ทำให้กระดูกและข้อต่อ แข็งแรง ยืดหยุ่น 
 
แคลเซียม แอลทรีโอเนต

 

ปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละช่วงอายุ
  • อายุ < 40 ปี 800 mg / วัน = นม 3 – 4 แก้ว
  • วัยทอง (~50 ปี) 1000 mg / วัน = นม 4 – 5 แก้ว
  • ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์, อายุ > 60ปี 1200 mg / วัน = นม 6 – 7 แก้ว
  • ผู้หญิงมีโอกาสกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนมากถึง 30  – 40% ส่วนผู้ชาย 10%
  • 10 ปีแรกหลังหมดประจำเดือน กระดูกจะบางลงเร็วมาก เกิดจากการขาดฮอร์โมนเพศหญิง หรือ Estrogen การเสริม Calcium จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน

 

แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต เหมาะกับใคร
  • วัยหมดประจำเดือน / อายุ 50+
    เสี่ยงมวลกระดูกลดลงจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ต่ำลง

  • คนที่รับแคลเซียมจากอาหารไม่พอ
    ไม่ทานนม/ชีส/โยเกิร์ต, กินมังสวิรัติ/วีแกนแบบจำกัด หรือควบคุมอาหาร

  • คนที่ท้องอืดหรือไม่ถูกกับแคลเซียมรูปแบบอื่น
    L-Threonate มักอ่อนโยนต่อกระเพาะ ละลายได้ดีแม้กรดในกระเพาะน้อย

  • ผู้ที่มีความเสี่ยงกระดูกพรุน/กระดูกบาง
    มีประวัติครอบครัว กระดูกหักง่าย เคยตรวจความหนาแน่นกระดูกต่ำ (T-score ต่ำ)

  • ผู้ที่ใช้ยาหรือมีภาวะที่เร่งสลายกระดูก
    ใช้สเตียรอยด์เรื้อรัง, ภาวะไทรอยด์ทำงานเกิน, ขาดวิตามิน D

  • นักกีฬา/ผู้ที่ใช้งานร่างกายหนัก
    เสี่ยงกระดูกล้า/กระดูกลาย (stress fracture) ต้องการซ่อมแซมเร็ว

  • ผู้สูงอายุที่ดูดซึมได้ไม่ดี
    L-Threonate เหมาะเพราะดูดซึมได้ดีและไม่ต้องพึ่งกรดในกระเพาะมาก

 

ใครที่ “ควรเลี่ยง” หรือ ต้องปรึกษาแพทย์ก่อน
  • ภาวะแคลเซียมสูงในเลือด (Hypercalcemia)
    เช่น ภาวะพาราไทรอยด์ทำงานเกิน, ซาร์คอยโดซิส

  • นิ่ว แคลเซียมออกซาเลต/ฟอสเฟต, โรคไตเรื้อรังระยะกลาง–ปลาย

  • ใช้ยาบางชนิดที่มีปฏิกิริยากับแคลเซียม
    เช่น ยากลุ่มไทรอยด์ฮอร์โมน (levothyroxine), ยาปฏิชีวนะ tetracycline/quinolone,
    ยากระดูกพรุนกลุ่ม bisphosphonates — ควรแยกเวลาทานอย่างน้อย 2 ชม.

  • หญิงตั้งครรภ์/ให้นมบุตร → ควรประเมินปริมาณกับแพทย์/พยาบาลก่อน

  • แคลเซียมไม่ใช่ยา หรือวิธีรักษา โรคข้อเข่าเสื่อม (ไม่มีหลักฐานวิจัย สามารถซ่อมกระดูก ข้อเข่า ควรปรึกษาแพทย์)

 

แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต ไม่ควรทานคู่กับอะไรบ้าง
สารเหตุผล
ธาตุเหล็กแคลเซียมยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็ก 
สังกะสีขนาดสูงแข่งกันดูดซึมในลำไส้ ทำให้การดูดซึมลดลงทั้งคู่ ควรเว้นระยะอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
ไฟเบอร์ปริมาณสูงไฟเบอร์จับกับแคลเซียม ลดการดูดซึม ตกตะกอนไม่ถูกดูดซึม ควรเว้น 2 ชั่วโมง
ฟอสฟอรัส/ฟอสเฟตจับกับแคลเซียม กลายเป็น แคลเซียมฟอสเฟต ร่างกายดูดซึมไม่ไ่ด้