สารอาหารบำรุงดวงตา
สารอาหารบำรุงดวงตา
- ทำไมลูทีน ซีแซนทีน สารสกัดบิลเบอร์รี่ และเบต้า-แคโรทีน ถึงสำคัญต่อดวงตา? ในยุคดิจิตัล เราใช้สายตากับหน้าจอหลายชั่วโมงต่อวัน ดวงตาต้องเผชิญกับแสงสีฟ้าจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ อาจทำให้เกิดอาการตาล้า ตาแห้ง ตาพร่ามัว การทานวิตามินบำรุงสายตา จึงเป็นสิ่งที่เราควรพิจารณา

1) ลูทีน (Lutein)
- ลูทีนในร่างกายจะสะสมอยู่มากบริเวณ “จุดรับภาพ (macula)” และ ”เรตินา (Retina)"
- ช่วยปกป้องจอประสาทตา macula ช่วยกรองแสงสีฟ้า
- ปกป้องเนื้อเยื่อดวงตา ลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระ
- ลูทีนที่อยู่บริเวณผิวหนัง ช่วยเสริมสุขภาพผิว ให้ทนต่อรังสียูวีมากขึ้น
- ลูทีนมักใช้คู่กับซีแซนทีนเพื่อเสริมกัน
- ร่างกายควรได้รับลูทีน 6–10 มก./วัน (แต่โดยทั่วไปผู้ที่บริโภคได้รับลูทีนเฉลี่ยเพียง 1.7 มก./วัน จากอาหาร)
- ถึงลูทีนไม่ใช่สารจำเป็น แต่ลูทีนที่ไปสะสมใน macula ถ้ามีไม่พอแล้วเป็นอย่างไร?
- ชั้นเม็ดสีปกป้องจอประสาทตาบางลง
- อาจไวต่อแสงสีน้ำเงินมากขึ้น ล้าตา/แสบตาง่ายเวลาใช้จอนาน
- ความไวคอนทราสต์และการฟื้นตัวจากแสงจ้าอาจแย่ลงเล็กน้อย
- ระยะยาว: ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงจอประสาทตาเสื่อมอยู่แล้ว อาจเพิ่มโอกาสลุกลามได้มากกว่าเมื่อเทียบกับคนที่ได้เพียงพอ
2) ซีแซนทีน/ซาแซนทีน (Zeaxanthin)
- สะสมใน “จุดรับภาพ (macula)” ของจอประสาทตา คู่กับลูทีน
- ช่วยเรื่อง การมองเห็นคมชัด และ ความทนต่อแสงจ้า
- เป็นคู่หูของลูทีน ทำหน้าที่คล้ายกันและอยู่บริเวณ macula เช่นกัน
- ทาน พร้อมมื้อหรือน้ำมันที่มีไขมันดี จะช่วยให้ดูดซึมลูทีน/ซีแซนทีนได้ดีกว่า
- ร่างกายควรได้รับ ซีแซนทีน ราว 2–4 มก./วัน
- ซีแซนทีนไม่ใช่สารจำเป็นเช่นเดียวกับลูทีน แต่ถ้าได้รับไม่เพียงพออาจมีแนวโน้ม
- อาจรับแสงจ้าได้น้อยลง
- ฟื้นตัวจากแสงช้าลง
- มีแนวโน้มล้าตาง่ายขึ้นเมื่อจอนาน ๆ

3) สารสกัดจากบิลเบอร์รี่ (Bilberry extract)
- ช่วยดูแลหลอดเลือดเลี้ยงดวงตา
- ช่วยเรื่อง ตาล้า/แห้ง ในบางส่วนของตา
- อุดมด้วย แอนโธไซยานิน (สารต้านอนุมูลอิสระ)
- ได้รับจากพืชตระกูลเบอรี่
- ร่างกายควรได้รับ บิลเบอร์รี่สกัดมาตรฐาน ราว 80–160 มก./วัน
- ถึงไม่ใช่สารอาหารจำเป็น แต่ถ้าขาด อาจพลาดประโยชน์จากสารแอนโธไซยานิน
- ขาดการช่วยลดอนุมูลอิสระ
- ขาดการสนับสนุนหลอดเลือดเลี้ยงตา
- ล้าตาง่ายขึ้นเมื่อใช้สายตาหนัก (บางคน)
4) เบต้าแคโรทีน (Beta-carotene)
- เกี่ยวข้องกับ การเห็นในที่มืด และ เสริมภูมิคุ้มกัน
- เป็น Pro-vitamin A ร่างกายเปลี่ยนเป็นวิตามิน A
- ได้รับจากอาหารธรรมชาติ เช่น แครอท ฟักทอง มันเทศ ฯลฯ
- เป็นแหล่งวิตามินเอ ถ้าร่างกายขาดวิตามินเอ
- มองเห็นในที่มืดแย่ลง (ตาฟางกลางคืน)
- ตาแห้ง แสบตา น้ำตาน้อย เยื่อบุตา–กระจกตาเสียหายถ้ารุนแรง
- ผิว–เยื่อบุแห้ง ติดเชื้อง่าย ภูมิคุ้มกันถดถอย

วิธีทานให้ได้ผลคุ้มค่า
- ทานพร้อมมื้อ โดยเฉพาะมื้อที่มีไขมันดี (ช่วยดูดซึม)
- สม่ำเสมอ: เม็ดสีในจอประสาทตาเพิ่มช้า ผลลัพธ์ต้องใช้เวลา
- คู่กับอาหารจริง: ผักใบเขียวเข้ม ข้าวโพด ไข่แดง แครอท ฟักทอง มันเทศ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
พักสายตา: 20-20-20 (ทุก 20 นาที มองไกล 20 ฟุต 20 วินาที) และปรับความสว่างหน้าจอให้เหมาะ
ใคร “น่าจะได้ประโยชน์”
- คนใช้สายตาหนัก: ทำงานหน้าจอ, ชอบจ้องโทรศัพท์, ตาสู้แสงจ้า, ขับรถกลางคืนบ่อย
- ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ต้องการดูแลจอประสาทตาเพิ่มเติม
- คนที่กินผักผลไม้สีเข้มไม่พอในแต่ละวัน
คำถามพบบ่อย
ถาม: กินแล้วตาดีขึ้นทันทีไหม?
ตอบ: ไม่ใช่ผลทันที ต้องใช้เวลาสะสมและควบคู่กับพฤติกรรมดูแลสายตา
ถาม: ถ้ากินผักผลไม้เยอะอยู่แล้ว ยังต้องเสริมไหม?
ตอบ: หลายคนพอจากอาหาร แต่ถ้าใช้สายตาหนัก/กินไม่พอ การเสริม “อาจ” ช่วยได้—ประเมินตามไลฟ์สไตล์และงบประมาณ
ถาม: กินเวลาไหนดี?
ตอบ: พร้อมอาหาร (มีไขมันดี) จะดูดซึมได้ดีกว่า

ข้อควรระวังสำคัญ
- ผู้สูบบุหรี่/เคยสูบบุหรี่: หลีกเลี่ยง “การเสริม” เบต้าแคโรทีน
- ผู้ใช้ยาบางชนิด (เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด) หรือมีโรคตา/โรคเรื้อรัง → ปรึกษาแพทย์ก่อน
- อาหารเสริม ไม่รักษาโรค และ ไม่ทดแทน การตรวจสายตาและจอประสาทตาตามคำแนะนำของจักษุแพทย์
References
มาถนอมสายตากัน LUTEIN - YouTube: https://www.youtube.com/shorts/3uxlg8WEezE
มิราเคิล ลูทีน พลัส ซีแซนธิน Shopee: https://shopee.co.th/product/81741185/43809582856