สารสกัดจากเมล็ดองุ่น

สารสกัดจากเมล็ดองุ่น

มีนาคม 13, 2568

ที่สุดแห่งสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงกว่าวิตามิน ซี 20 เท่า จากสารสกัดเมล็ดองุ่นองุ่นเป็นผลไม้ลูกกลม ๆ ที่ทุก ๆ บ้านต้องมียู่บนโต๊ะอาหาร แต่ภายใต้เนื้อหวานแสนอร่อยขององุ่นนั่นจะมีกี่คนที่รู้ว่า เจ้าเมล็ดอองุ่นที่ทุกคนทิ้งกันไปนั้นอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ ที่ช่วยเสริมสร้างความงาม และมีคุณประโยชน์กับร่างกายอย่างมาก จนกระทั่งในปี ค.ศ.1970 นักชีวเคมีชาวฝรั่งเศสได้นำเอาเมล็ดองุ่นไปทำการสกัด และในที่สุดก็ได้พบสารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากที่มีชื่อว่า “โอลิโกเมอริก โปรแอนโธไซยานิดินส์ (Oligomeric Proanthocyanidins) หรือ OPCs”OPCs มีคุณสมบัติที่สำคัญในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง และละลายน้ำได้ดี จึงทำให้มีประสิทธิภาพมากในการปกป้องเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายจากการถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ ทั้งยังมีประสิทธิภาพในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามิน ซี ถึง 20 เท่า และมากกว่าวิตามิน อี ถึง 50 เท่า1ประโยชน์ของ OPCs จากสารสกัดเมล็ดองุ่นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี ต้านอนุมูลอิสระได้ทุกรูปแบบและจำนวนมาก ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดภายใน 20-30 นาที จากนั้นจะกระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และยังคงอยู่ในร่างกายได้นานถึง 72 ชั่วโมง บำรุงผิวพรรณ ชะลอไม่ให้ผิวหนังแก่ก่อนวัย และลดแห้งกร้านของผิว ด้วยการเสริมสร้างคอลลาเจนให้เซลล์ชั้นใต้ผิวหนังช่วยลดริ้วรอย ฝ้า กระให้จางลง โดย OPCs จะช่วยต้านอนุมูลอิสระที่มาทำลายคอลลาเจนอิลาสติน และการผลิตเม็ดสี ที่เป็นสาเหตุทำให้ผิวเสื่อมสภาพ และเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรจากคุณสมบัติยับยั้งเอนไซน์ที่ทำลายคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้หลอดเลือดฝอยแข็งแรง จึงทำให้สามารถนำสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ผิวได้ดีสารสกัดจากเมล็ดองุ่น จึงเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ที่สามารถช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นได้ดี ดูสดใส มีน้ำมีนวล ทั้งยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ยับยั้งการถูกทำลายของคอลลาเจน ทั้งยังลดปัญหาสำหรับผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอกันอีกด้วย2-3เอกสารอ้างอิงชณิศา พานิช.ประสิทธิผลของการรับประทานโอพีซีสารสกัดจากเมล็ดองุ่นและวิตามินซีเปรียบเทียบกับวิตามินซีเพียงอย่าง เดียวในการลดริ้วรอยอาสาสมัครเพศหญิงที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง [http://archive.mfu.ac.th/school/anti-aging/File_PDF/Research_PDF54/2.pdf]ธีรพงษ์ ขันทเจริญ , อรพิน เกิดชูชื่น , ณัฎฐา เลาหกุลจิตต์.ประสิทธิภาพการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากสารสกัดจากสกัดเปลือกและเมล็ดขององุ่นพันธ์ คาร์ดินัล.วารสาร วิทยาศาสตร์เกษตร.ปีที่ 41 ฉบับที่ 3/1 (พิเศษ) กันยายน – ธันวาคม หน้า 617 – 619ปวีณ ปุณศรี.2504.องุ่น.พิมพ์ครั้งที่ 2.สโมสรพืชสวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.กรุงเทพฯ.

6 สัญญาณเตือน “กรดไหลย้อน”

6 สัญญาณเตือน “กรดไหลย้อน”

มีนาคม 11, 2568

ท้องอืด แน่นท้อง จะมีอาการคล้าย ๆ กับอาการของโรคกระเพาะอาหาร ซึ่งอาการนี้เกิดได้จากหูรูดของหลอดอาหารไม่สามารถปิดสนิทได้ เวลาที่ต้องมีการบีบตัวของหลอดอาหาร เพื่อที่จะไล่อาหารจากกระเพาะลงไปที่ลำไส้เล็ก ทำให้มีการท้นกลับของอาหารเข้ามาที่หลอดอาหารทั้งบริเวณในช่องท้อง และช่องอก ทำให้มีอาการท้องอืด แน่นท้องเรอเปรี้ยว หรือมีน้ำรสเปรี้ยว ๆ หรือขมออกมาทางลำคอ มักจะมีอาการนี้หลังรับประทานอาหารมื้อหนัก ๆกลืนลำบาก หรือกลืนแล้วรู้สึกเจ็บคอ เกิดจากกรดไหลย้อนไปสัมผัสกับกล้ามเนื้อคอ ทำให้กล้ามเนื้อหดตัวเจ็บหน้าอก จุกเหมือนมีอะไรติดคอ เกิดจากกรดไหลย้อนขึ้นมาผ่านหลอดอาหารที่อยู่ในช่องอก และกระตุ้นเส้นประสาทในหลอดอาหารแสบร้อนกลางอก เกิดจากความดันที่ช่องท้องเพิ่มขึ้น ทำให้กรดและอาหารที่อยู่ในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหาร ซึ่งอาการแสบร้อนกลางอกจะส่งผลให้หลอดอาหารนั้นเกิดการระคายเคืองได้คลื่นไส้ อาเจียน เกิดจากการไหลท้นกลับของอาหารเข้ามาที่หลอดอาหาร มักจะมีอาการนี้หลังรับประทานอาหารมื้อหนัก ๆอย่างไรก็ตามสัญญาณเตือนทั้ง 6 ข้อนี้ เป็นเพียงระยะอาการของโรคกรดไหลย้อนในระยะต้น เพื่อป้องกันไม่ให้โรคทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น วิธีการดูแลเบื้องต้นคือ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด น้ำส้มสายชู น้ำมะนาว น้ำมะเขือเทศ พริกไทย หลีกเลี่ยงช็อกโกแลต อาหารมัน กาแฟ ชา หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ใส่เสื้อผ้าที่ไม่คับหรือรัดแน่น พยายามนั่งตัวตรง ๆ และลองหา สมุนไพรเพื่อเข้ามาช่วยฟื้นฟู บรรเทาอาการอย่าง ขมิ้นชัน ที่มีสารสำคัญ น้ำมันหอมระเหยและสารกลุ่มเคอร์คูมินอยด์ (curcuminiods) สารสีเหลืองส้มโดยมีการศึกษาถึงฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของ ขมิ้นชันในการบรรเทาอาการโรคในระบบทางเดินอาหารที่น่าใจหลายการศึกษา เช่น ฤทธิ์ขับลม บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ การศึกษาในผู้ป่วยที่มีอาการอาหารไม่ย่อย (dyspepsia) พบว่า การรับประทานขมิ้นชันทั้งในรูปแบบของผงขมิ้นชัน ครั้งละ 500 มิลลิกรัม (มีเคอร์คูมินอยด์ 9.6% และน้ำมันหอมระเหย 8%) วันละ 4 ครั้ง ติดต่อกัน 7 วัน หรือขมิ้นชันแคปซูล 250 มิลลิกรัม ครั้งละ 2 แคปซูลวันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร หรือสารสกัดขมิ้นชันวันละ 162 มิลลิกรัม นาน 28 วัน สามารถบรรเทาอาการของโรคอาหารไม่ย่อย ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ลดอาการคลื่นไส้ และไม่สบายท้อง โดยประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการได้รับยาขับลม และยารักษาแผลในกระเพาะอาหาร รานิทิดีน (ranitidine) 150 มิลลิกรัมนอกจากนี้ ขมิ้นชันยังมีฤทธิ์ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร โดยผ่านกลไกกระตุ้นการหลั่งเมือก หรือมิวซิน (mucin) มาเคลือบกระเพาะ ยับยั้งการหลั่งกรดและน้ำย่อยของกระเพาะ และต้านการอักเสบ โดยการศึกษาให้ผู้ป่วยที่มีแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ รับประทาน ขมิ้นชันแคปซูล 600 และ 1,000 มิลลิกรัม/วัน แบ่งรับประทานวันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน นาน 12 สัปดาห์ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ใกล้เคียงกับการใช้ยาลดกรด และกลุ่มที่ได้รับขมิ้นชันที่แผลหายแล้วจะไม่กลับมาเป็นอีก และการรับประทานผงขมิ้นชันวันละ 1 กรัม หลังมื้ออาหารเช้าเย็น ร่วมกับการรับประทานยาซัลฟาซาลาซีน (sulfasalazine) หรือยาเมซาลาซีน (mesalamine) ซึ่งใช้ใน การรักษาโรคลำไส้อักเสบ จะให้ผลการรักษาดีกว่าใช้ยาแผนปัจจุบันเพียงอย่างเดียวแหล่งอ้างอิงโดยบทความ : ขมิ้นชัน...ขุนพลผู้พิชิตโรคในระบบทางเดินอาหาร, กนกพร อะทะวงษา, สำนักงานข้อมูลสมุนไพร, คณะเภสัชศาสตร์, มหาวิทยาลัยมหิดลบทความ : ดูแลตัวเองอย่างไรในภาวะกรดไหลย้อน, อ.นพ.ปิยะพันธ์ พฤกษพานิช, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยเรียงข้อมูลโดย ไทย เฮลท์ โปรดักส์ (THP)

ผิวขาวกระจ่างใส “กลูตาไธโอน”

ผิวขาวกระจ่างใส “กลูตาไธโอน”

กุมภาพันธ์ 26, 2568

ผิวขาวกระจ่างใสด้วย “กลูตาไธโอน”เชื่อว่าการที่ผิวขาว กระจ่างใส ดูสุขภาพดี เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนต้องการ ทำให้กลูตาไธโอนเป็นที่นิยมอย่างมากเพราะการมีผิวที่ขาว กระจ่างใส เป็นสิ่งที่เสริมสร้างความมั่นใจให้กับหลาย ๆ คน จึงทำให้ปัจจุบันมี ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เสริมสร้างผิวขาวออกสู่ท้องตลาดเป็นจำนวนมาก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว1กลูตาไธโอน คือ สารต้านอนุมูลอิสระที่ถูกสร้างและใช้มากที่สุดในร่างกาย ทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องสายตาของคนเรา ช่วยเปลี่ยนแป้งที่สะสมในร่างกายให้เป็นพลังงาน และป้องกันการสะสมของไขมัน ซึ่งอาจนำไปสู่การเป็นโรคหัวใจกลูตาไธโอน ทำหน้าที่ปกป้องทุกเซลล์ของร่างกาย แต่เมื่ออายุมากขึ้นปริมาณกลูตาไธโอนในร่างกายจะลดน้อยลง หรือถูกผลิตขึ้นช้าลง และมีปริมาณน้อยลง เมื่อเราอายุย่างเข้า 20 ปี ปริมาณกลูตาไธโอนในร่างกาย จะลดลงเฉลี่ย 8-12% ต่อ 10 ปี แต่หากร่างกายมีการบริโภคยา หรือเคมีมากเกินไป ปริมาณการลดลงของกลูตาไธโอนในร่างกายจะรวดเร็วกว่าที่คาดไว้ ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมเร็วก่อนวัย และโรคต่าง ๆ เข้าแทรกแซงได้ง่าย3กลูตาไธโอน เป็นโปรตีนที่ประกอบด้วยกรดอมิโนที่สำคัญ 3 ชนิด รวมกันอยู่คือ ซิสเตอิน(Cystein) ไกลซิน (Glycine) และ กลูตาเมท (Glutamate) ที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เอง ทำหน้าที่ปกป้องเนื้อเยื่ออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายคุณสมบัติของกลูตาไธโอนAntioxidation กลูต้าไธโอนจะเปลี่ยนเป็นเอมไซม์ glutathione peroxidase เป็นสารที่มี antioxidant ที่สามารถช่วยความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆในร่างกายDetoxification กลูตาไธโอนช่วยสร้างเอมไซน์ชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะ glutathiones-transferse ที่ตับ ช่วยในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายImmune Enhancer กลูตาไธโอนจะส่งผลให้เพิ่มความสามารถในการกำจัดสิ่งแปลกปลอม และเชื้อโรคของเม็ดเลือดขาวชนิด neutrophilis และยังเพิ่มความสามารถในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกายด้วย ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น และกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์หลายชนิด เพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอม รวมถึงซ่อมแซม DNA สร้างโปรตีน และ prostaglandin2กลูตาไธโอนกับกลไกการเกิดสีผิวสีผิวของมนุษย์เกิดจากการที่เม็ดสีที่เรียกว่า เมลานิน (Melanin) ซึ่งเป็นโพลิเมอร์ที่ไม่ละลายน้ำ กระจายตัวอยู่ในชั้นผิวเม็ดสีที่อยู่ในผิวหนัง ทำหน้าป้องผิวหนังจาก UV จากแสงอาทิตย์โดยการดูดกลืนรังสี UV แล้วเปลี่ยนพลังงานให้เป็นความร้อน เมลานินถูกผลิตขึ้นจากกรดอะมิโนที่ชื่อไทโรซีน (Tyrosine) โดยทั่วไป มี 2 ชนิด คือ ยูเมลานิน (Eumelanin) และ ฟีโอเมลานิน (Pheomelanin)  โดยปริมาณเม็ดสีที่กระจายตัวอยู่ในผิวหนัง จะมีมากหรือน้อยเป็นลักษณะทางพันธุกรรม โดยที่ยูเมลานินจะพบมากในคนผิวเข้ม ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ บริเวณเส้นศูนย์สูตรซึ่งมีความเข้มของรังสี UV มาก ในขณะที่ฟีโอเมลานิน พบในคนผิวขาว ซึ่งได้รับ ปริมาณรังสีUV น้อยกว่าสารกลูตาไธโอนที่เข้าสู่ร่างกาย จะทำหน้าที่ กระตุ้นให้กรดอะมิโน tyrosine เปลี่ยนรูปเป็น ฟีโอเมลานินในปริมาณที่มากขึ้น หรืออาจกล่าว อีกในหนึ่งว่าสารกลูตาไธโอนจะเปลี่ยนเม็ดสียูเมลานิน ให้กลายเป็นฟีโนเมลานิน ซึ่งส่งผลให้ผู้ที่ได้รับสาร ดังกล่าวมีสีผิวที่ขาวขึ้น2เอกสารอ้างอิงคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. กลูตาไธโอน (Glutathione) ทำให้ขาวจริงหรือ?. เอกสารจากเว็บไซด์www.pharmacy.mahidol.ac.th [https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/]วารสาร สารตำรายา ปีที่ 19 ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน 2555.ภญ.รศ.ดร.ชุติมา ลิ้มมัทวาภิรัติ์ และ ภญ.รศ.ดร.สนทยา ลิ้มมัทวาภิรัติ์. ประโยชน์ทางการแพทย์ของกลูตาไทโอนและสารที่กระตุ้นการสร้างกลูตาไทโอน. วารสาร ไกรสัชยนิพรธ์ปีที่ 6 เดือนมกราคม – ธันวาคม 2554.

ถั่งเช่า เคล็ดลับบำรุงสุขภาพของจักรพรรดิ

ถั่งเช่า เคล็ดลับบำรุงสุขภาพของจักรพรรดิ

กุมภาพันธ์ 02, 2568

เป็นที่รู้จักกันดีกับ “ถั่งเช่า” (Cordyceps) หรือ “หญ้าหนอน” สมุนไพรจีนที่มีคุณภาพชั้นเยี่ยม กับคุณสมบัติชั้นยอดหลายด้านในเรื่องของการดูแลสุขภาพ ถือได้ว่าเป็นสมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณทางยาที่แพทย์จีนโบราณค้นพบและใช้ในการรักษา รวมทั้งถวายเป็นเครื่องเสวยขององค์จักรพรรดิ และราชวงศ์ จนได้รับการยอมรับมานานนับศตวรรษ ในปัจจุบันคนไทยเรียก “ถั่งเช่า” ว่า “หญ้าหนอน” มีคุณสมบัติ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน กระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ที่เป็นเสมือนทหารมือเอกประจำร่างกาย หรือเรียกว่า หน่วยเพชฌฆาต (Natural Killer Cell) ที่มีความสามารถในการยับยั้งเชื้อไวรัส และเซลล์มะเร็ง บำรุงการทำงานของไต ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มออกซิเจนในการไหลเวียนเลือด ช่วยต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างสรรถภาพทางเพศจนได้สมญานามว่าเป็น “ไวอาก้าแห่งเทือกเขาหิมาลัย”จากการศึกษางานวิจัยหลายชิ้นเกี่ยวกับ “ถั่งเช่า” ถึงผลทางชีวภาพ และฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา พบว่า ในถั่งเช่าอุดมไปด้วยสารสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย อีกทั้งยังมีรายงานด้านการวิจัยในคนเกี่ยวกับการศึกษาฤทธิ์ของ ถั่งเช่าในการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ โดยพบว่า ในกรณีการศึกษาฤทธิ์ของถั่งเช่าต่อการกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ ผลการศึกษาพบว่า ในผู้ชาย 22 คน ที่ใช้ถั่งเช่าเป็นอาหารเสริม พบว่า ช่วยเพิ่มจำนวนของสเปิร์มในอสุจิได้ 33% และยังมีผลลดลงของสเปิร์มที่มีความผิดปกติลง 29% นอกจากนี้ ยังมีอีกกรณีการศึกษาในผู้ชายและผู้หญิง 189 คน ที่มีความต้องการทางเพศลดลง โดยพบว่า ถั่งเช่าสามารถช่วยทำให้อาการและความต้องการทางเพศสูงขึ้น 66% และยังมีงานวิจัยสนับสนุนอีกมากมายว่าการรับประทานถั่งเช่า จะช่วยปกป้อง และช่วยให้การทำงานของต่อมหมวกไต ฮอร์โมนจากต่อมไทมัส และจำนวนของสเปิร์มที่สามารถปฏิสนธิได้เพิ่มขึ้น 30% และช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศของผู้หญิงได้ 86%อย่างไรก็ตาม ถั่งเช่า ไม่ได้มีสรรพคุณเพียงการฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ แต่ยังมีงานศึกษาวิจัยอีกหลายฉบับที่ได้ศึกษาวิจัยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ที่พบว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์ปรับสมดุลของร่างกาย กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์ต้านมะเร็ง ลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านการอักเสบ เป็นต้นการรับประทานถั่งเช่าถือว่า เป็นทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพ ที่เราสามารถมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยเนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของภาวะภายในร่างกายที่เราไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้นเพื่อการรับประทานถั่งเช่าให้มีประโยชน์ และมีความปลอดภัยสูงสุด ควรทำการศึกษาข้อมูลของผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่มีมาตรฐาน หาข้อมูลถึงวิธีการรับประทานที่เหมาะสม หรือของรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์เพื่อเป็นการป้องกันผลเสีย และอาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้แหล่งอ้างอิงโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), www.vcharkarn.com, www.tpma.or.th, นพ.สมยศ กิตติมั่นคง หัวหน้ากลุ่มโรคเอดส์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน, www.pharmacy.mahidol.ac.th, รองศาสตราจารย์ ดร.นพมาศ สุนทรเจริญนนท์ และ ธิดารัตน์ จันทร์ดอน สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เว็บไซต์กระทิงแคปโกลด์ https://krathingcap.com

How to ดูแลสุขภาพในวิกฤต PM 2.5 ด้วยอาหารเสริม

How to ดูแลสุขภาพในวิกฤต PM 2.5 ด้วยอาหารเสริม

กุมภาพันธ์ 02, 2568

 ในช่วงเวลานี้ไม่มีอะไรเป็นภัยร้ายแรงต่อสุขภาพได้เท่ากับมลพิษ PM 2.5 เจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋วแต่ผลกระทบไม่เล็กตามขนาดของมัน เจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋วนี้มีขนาดตัวเพียงแค่ 2.5 ไมครอน หรือเพียง 1 ใน 25 ของเส้นผม ทำให้แม้กระทั่งขนจมูกของเราเองก็ไม่สามารถกรองเจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋วนี้ได้ และเมื่อเจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋วแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายก็จะกลายเป็นแหล่งสะสมของสารอนุมูลอิสระ เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็จะแพร่กระจายสู่ระบบทางเดินหายใจ จากหลอดลมเข้าสู่หลอดเลือด จากนั้นก็จะถูกลำเลียงไปยังอวัยวะต่าง ๆ ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดภาวะอักเสบภายในร่างกาย และเป็นบ่อเกิดสำคัญของสารพัดโรคร้าย นอกจากนี้ทางกรมอนามัยโลก ได้ระบุไว้ว่า PM 2.5 เป็นสารกลุ่มที่ 1 ที่เป็นสารก่อมะเร็ง เป็น 1 ใน 8 ของสาเหตุที่ทำให้ประชากรเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และยังทำให้เสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง อย่าง โรคหลอดเลือดสมอง, โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง, โรคติดเชื้อเฉียบพลันในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง, โรคหัวใจขาดเลือด และโรคมะเร็งปอด เป็นต้น นอกจากนี้ทางแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยยังได้ระบุว่า เจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋วที่มีขนาดเล็กนี้ ยังมีน้ำหนักที่เบาจนสามารถลอยตัวในอากาศได้ และยังสามารถเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังของเราได้โดยตรง และยังมีงานวิจัยถึงผลกระทบของเจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋ว PM 2.5 นี้พบว่า เจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋วสามารถส่งผลต่อผิวหนังโดยสามารถแบ่งระดับอาการออกได้ 2 ระยะคือ ระยะเฉียบพลัน เจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋วจะทำลายเซลล์ผิวหนังชั้นกำพร้า ทำให้เกิดการอักเสบ และระคายเคืองกับผิวหนังได้โดยตรงระยะเรื้อรัง เจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋วเป็นอนุมูลอิสระที่ส่งผลร้ายต่อเซลล์ผิวหนัง ตั้งแต่กระบวนการสร้างเซลล์ ทำให้เซลล์ผิวเกิดภาวะความชรา จุดด่างดำ และลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ผิวหนังอีกด้วย ด้วยเหตุนี้การป้องกันภัยจากเจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋ว PM 2.5 จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในตอนนี้ โดยมีเคล็ดลับการดูแลสุขภาพง่าย ๆ คือ พยายามอยู่ภายในอาคาร พร้อมเสริมด้วยเครื่องกรองอากาศมาเป็นตัวช่วยในการดักเจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋ว และหากมีเหตุจำเป็นที่จะต้องออกนอกบ้าน ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ควรทาโลชั่นหรือครีม ใส่หน้ากากกรองฝุ่น สวมแว่นตา แต่งกายให้มิดชิด และงดการออกกำลังกายกลางแจ้ง เพื่อลดการรับเจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋ว PM 2.5 เข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยอีกว่า มีสารอาหารบางชนิดมีคุณสมบัติที่ช่วยต้านและลดความเป็นพิษของเจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋ว PM 2.5 นี้ได้ ได้แก่โค เอนไซน์ คิว 10 เป็นสารคล้ายวิตามินที่มีความสำคัญในการสร้างพลังงานพื้นฐานให้กับเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antiox idant) ที่มีประสิทธิภาพสูง คอยป้องกันสารอนุมูลอิสระที่จะเข้ามาภายในเซลล์ที่เป็นสาเหตุของโรคภัยต่าง ๆวิตามิน C เป็นวิตามินที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และลดภาวะอาการอักเสบที่อาจเกิดจากเจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋ว ดังนั้นแนะนำให้หาอาหารเสริมที่ให้ทั้งวิตามิน C และสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างสารสกัดจากเมล็ดองุ่น ที่มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูง และยังมี OPC ที่สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระได้สูงกว่าวิตามิน C ถึง 20 เท่าและสูงกว่าวิตามิน E 50 เท่าเบต้า แคโรทีน มีส่วนช่วยให้การทำงานของปอดกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นสารตั้งต้นของวิตามิน A ที่ช่วยส่งเสริมระบบทางเดินหายใจ และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งสามารถพบได้ในสารสกัดจากมะเขือเทศนั่นเองโอเมก้า 3 จากการศึกษาวิจัยทางคลินิกในกลุ่มผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุที่อาศัยในแหล่งที่มีเจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋ว PM 2.5 พบว่า การได้รับน้ำมันปลา 2 กรัม/วัน ช่วยลดผลเสียต่อสุขภาพของเจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋ว PM 2.5ได้ ดังนั้นนอกจากการรับประทานปลาทะเล หรือปลาน้ำจืดแล้ว ลองหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีคุณภาพมาเป็นตัวช่วยดูแลสุขภาพในช่วงวิกฤติของเจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋ว PM 2.5 นี้ถึงแม้ว่าตอนนี้การศึกษาวิจัยข้อมูลเกี่ยวกับสารอาหารกับเจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋ว PM 2.5 ยังไม่ได้มีจำนวนที่มากพอ แต่ก็ยังมีอีกหลายงานวิจัยที่กล่าวถึงสารอาหารเหล่านี้ มีส่วนช่วยในการส่งเสริมสุขภาพร่างกาย โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันและเสริมการทำงานของระบบต่าง ๆ ให้กลับมามีประสิทธิภาพ อย่างน้อยก็ทำให้ภายในร่างกายมีความสมดุลแข็งแรงมากเพียงพอ และพร้อมที่จะรับมือต่อภัยเงียบจากเจ้าฝุ่นตัวกระจิ๋วอย่าง PM 2.5 นี้ได้แหล่งอ้างอิงโดยบทความวิชาการ, “ฝุ่น PM 2.5 กับโรคสมอง”, เรืออากาศโท นายแพทย์กีรติกร ว่องไววาณิชย์, อายุรแพทย์สมองและระบบประสาท, ศูนย์สมองและระบบประสาท, โรงพยาบาลกรุงเทพบทความสุขภาพน่ารู้, “ฝุ่น PM 2.5 กับผลกระทบทางผิวหนัง”, แพทย์หญิงจันทร์จิรา สวัสดิพงษ์, ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการประชาสัมพันธ์องค์กร, สถาบันโรคผิวหนัง, กรมการแพทย์ฝุ่นพิษ PM 2.5 เยียวยาด้วยอาหารรักษ์หัวใจ, ผศ.ดร ฉัตรนภา หัตถโกศล, ภาควิชาโภชนวิทยา, คณะสาธารณสุขศาสตร์, มหาวิทยาลัยมหิดล 

ยอดราชาสมุนไพร คืนสมรรถภาพ เพิ่มพลังกาย

ยอดราชาสมุนไพร คืนสมรรถภาพ เพิ่มพลังกาย

กุมภาพันธ์ 01, 2568

ปัญหาสุขภาพในปัจจุบันที่สร้างความกังวล ลดความมั่นใจให้ทั้งคุณผู้ชาย และคุณผู้หญิง คือภาวะที่ร่างกาย หย่อน สมรรถภาพทางเพศ หรือถ้าเกิดขึ้นกับคุณผู้ชายก็จะเรียกว่า นกเขาไม่ขัน (Erectile dysfunction: ภาวะการแข็งตัวของอวัยวะเพศชายไม่เต็มที่) และถ้าเกิดกับคุณผู้หญิงก็จะส่งผลให้มีอาการกวนใจต่าง ๆ อย่าง อาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ (Dyspareunia)   ถือได้ว่าภาวะที่ ร่างกาย หย่อนสมรรถภาพทางเพศ เป็นเหมือนสัญญาณเตือนของความผิดปกติที่อาจจะเริ่มเกิดในระบบหลอดเลือดและหัวใจ เพราะในช่วงที่เกิดอารมณ์ทางเพศ ร่างกายจะต้องอาศัยการไหลเวียนเลือดที่ดีในการสูบฉีดเลือดไปยังอวัยวะเพศให้พร้อมในการใช้งาน ดังนั้นอสมรรถภาพทางเพศ ที่ลดลงจึงไม่ได้บอกปัญหาแค่เพียงเฉพาะจุด แต่เป็นการแสดงออกถึงการเสียสมดุลภายในร่างกายของเราอีกด้วย และเมื่อพูดถึงการคืนสมรรถภาพ เพิ่มพลังกายด้วยวิถีแบบธรรมชาติ ก็คงหนีไม่พ้นราชาสมุนไพรอย่าง “โสม” และ “ถั่งเช่า” สมุนไพรทั้ง 2 ชนิดนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของการปรับสมดุลภายในร่างกาย และเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ที่มีการศึกษาวิจัยถึงผลทางชีวภาพ และฤทธิ์ทางเภสัชวิทยายืนยันว่า“โสม” ช่วย ฟื้นฟูสรรถภาพ และสามารถเสริมประสิทธิภาพทางเพศ โดยมีงานวิจัยในผู้ป่วยที่มีภาวะร่างกาย หย่อน สมรรถภาพทางเพศ 45 ราย โดยให้รับประทานโสมปริมาณ 900 มิลลิกรัม 3 ครั้งต่อวันเป็นระยะเวลาสองเดือน พบว่า สามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และ“ถั่งเช่า” ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้ โดยมีงานวิจัยในผู้ชาย 22 คน ที่มีประวัติการใช้ถั่งเช่าเป็นอาหารเสริม พบว่า สามารถช่วยเพิ่มจำนวนของสเปิร์มในอสุจิได้ 33% และมีผลลดลงของสเปิร์มที่มีความผิดปกติลงได้ถึง 29 % อีกทั้งยังสามารถช่วยทำให้อาการและความต้องการทางเพศสูงขึ้น 66% อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติดังนั้นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีส่วนผสมของ “โสม” และ “ถั่งเช่า” เมื่อรับประทานเข้าสู่ร่างกายตัวยาที่มีอยู่ในโสมจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดง ปรับอัตราการเต้นของหัวใจให้กลับเข้าสู่สภาพปกติ ทำให้การสูบฉีดเลือดในร่างกายมีความเสถียรมากขึ้น สารสำคัญที่เข้าไปฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศทั้งในโสมและถั่งเช่าจะออกฤทธิ์ส่งเสริมกัน จึงยิ่งทำให้ประสิทธิในการฟื้นฟูและเพิ่มสมรรถภาพมีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ทั้งนี้เพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมสารสำคัญจากโสมและถั่งเช่าได้มากที่สุด แนะนำให้ลองเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินอีเป็นหนึ่งในส่วนผสม เนื่องจากวิตามินอีเป็นวิตามินสำคัญที่จะช่วยป้องกันการแตกของเม็ดเลือดแดง ช่วยดูดซับอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เซลล์หรือเนื้อเยื่อถูกทำลาย อีกทั้งวิตามินอียังช่วยป้องกันสารสำคัญที่ได้จากโสมและถั่งเช่า ไม่ให้ถูกทำลายด้วยกรดหรือสารเคมีในกระเพาะอาหาร ทำให้การรับประทานสมุนไพรทั้ง 2 ชนิดนี้เกิดผลดีกับร่างกายมากที่สุด อย่างไรก็ตามภาวะที่ร่างกายหย่อนสมรรถภาพทางเพศไม่ใช่ภาวะที่เกิดขึ้นกับวัยสูงอายุเท่านั้น ในปัจจุบันเราสามารถพบผู้ป่วยผู้ชายอายุ 20-30 ปี มีโอกาสที่จะประสบกับภาวะที่ร่างกายหย่อนสมรรถภาพทางเพศถึง 8% และมีการคาดการณ์จากกรมอนามัยของสหรัฐอเมริกาว่าผู้ป่วยภาวะร่างกายหย่อนสมรรถภาพทางเพศจะเพิ่มมากขึ้นถึง 170 ล้านคนในปี 2568 และถึงแม้ว่ายุดนี้ภาวะหย่อนสมรรถภาพเป็นเรื่องที่ถูกเปิดกว้างใคร ๆ ก็เป็นกัน แต่จริง ๆ แล้วการมองเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ หรือการหาตัวช่วยแบบผิดวิธี เป็นการดูแลรักษาสุขภาพที่หลงทิศหลงทางและน่าเป็นห่วง เพราะการปล่อยไว้เรื้อรังก็อาจ “ก่อให้เกิดโรคอื่น” ได้แหล่งอ้างอิงโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), www.vcharkarn.com, www.tpma.or.th, นพ.สมยศ กิตติมั่นคง หัวหน้ากลุ่มโรคเอดส์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขบทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน, www.pharmacy.mahidol.ac.th, รองศาสตราจารย์ ดร.นพมาศ สุนทรเจริญนนท์ และ ธิดารัตน์ จันทร์ดอน สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลคลังข้อมูลยา, www.pharmacy.mahidol.ac.th, นศภ. ทศพล จันทร์ดี,  คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ, www.vejthani.com, ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ, โรงพยาบาลเวชธานีบทความสุขภาพ, www.bangkokhealth.com, นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ, ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพผลทางเภสัชวิทยาของสารจินเซ็นโนไซด์ในโสมอเมริกาต่อสุขภาพ, วารสารพยาบาลทหารบก, คุณ สุรพจน์ วงศ์ใหญ่, ปีที่ 13 ฉบับที่ 3 (ก.ย. - ธ.ค.) 2555เว็บไซต์กระทิงแคป https://krathingcap.com

ถั่งเช่า เคล็ดลับบำรุงสุขภาพ เสริมพลังชาย

ถั่งเช่า เคล็ดลับบำรุงสุขภาพ เสริมพลังชาย

กุมภาพันธ์ 01, 2568

            “ถั่งเช่า” (Cordyceps) หรือ “หญ้าหนอน” สมุนไพรจีนที่มีคุณภาพชั้นเยี่ยม ที่เป็นที่รู้จักกันดี ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรชั้นยอดในการดูแลสุขภาพ และมีสรรพคุณทางยาที่แพทย์จีนโบราณค้นพบและใช้ในการรักษา รวมทั้งถวายเป็นเครื่องเสวยขององค์จักรพรรดิ และราชวงศ์ จนได้รับการยอมรับมานานนับศตวรรษ            ซึ่งในปัจจุบันนี้หลายคนเรียก “ถั่งเช่า” ว่า “หญ้าหนอน” และรู้กันดีว่ามีคุณสมบัติ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน กระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ที่มีความสามารถในการยับยั้งเชื้อไวรัส และเซลล์มะเร็ง บำรุงการทำงานของไต ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มออกซิเจนในการไหลเวียนเลือด ช่วยต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างสรรถภาพทางเพศจนได้สมญานามว่าเป็น “ไวอาก้าแห่งเทือกเขาหิมาลัย”            มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ได้กล่าวถึง คุณสมบัติทางชีวภาพ และฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ว่า ในถั่งเช่าอุดมไปด้วยสารสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย และยังมีรายงานด้านการวิจัยในคนเกี่ยวกับการศึกษาฤทธิ์ของถั่งเช่าในการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ โดยในงานวิจัย มีกรณีการศึกษาฤทธิ์ของถั่งเช่าต่อการกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ ผลการศึกษาพบว่า ในผู้ชาย 22 คน ที่ใช้ถั่งเช่าเป็นอาหารเสริม พบว่า ช่วยเพิ่มจำนวนของสเปิร์มในอสุจิได้ 33% และยังมีผลลดลงของสเปิร์มที่มีความผิดปกติลง 29 % นอกจากนี้ ยังมีอีกกรณีการศึกษาในผู้ชายและผู้หญิง 189 คน ที่มีความต้องการทางเพศลดลง โดยพบว่า ถั่งเช่าสามารถช่วยทำให้อาการและความต้องการทางเพศสูงขึ้น 66% และยังมีงานวิจัยสนับสนุนอีกมากมายว่าการรับประทานถั่งเช่า จะช่วยปกป้อง และช่วยให้การทำงานของต่อมหมวกไต ฮอร์โมนจากต่อมไทมัส และจำนวนของสเปิร์มที่สามารถปฏิสนธิได้เพิ่มขึ้น 30% และช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศของผู้หญิงได้ 86%            อย่างไรก็ตาม ถั่งเช่า ไม่ได้มีสรรพคุณเพียงการฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ แต่ยังมีงานศึกษาวิจัยอีกหลายฉบับที่ได้ศึกษาวิจัยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ที่พบว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์ปรับสมดุลของร่างกาย กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์ต้านมะเร็ง ลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านการอักเสบ             การรับประทานถั่งเช่าถือว่า เป็นทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพ ที่เราสามารถมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยเนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของภาวะภายในร่างกายที่เราไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้นเพื่อการรับประทานถั่งเช่าให้มีประโยชน์ และมีความปลอดภัยสูงสุด ควรทำการศึกษาข้อมูลของผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่มีมาตรฐาน หาข้อมูลถึงวิธีการรับประทานที่เหมาะสม หรือของรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์เพื่อเป็นการป้องกันผลเสีย และอาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้            แหล่งอ้างอิงโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), www.vcharkarn.com, www.tpma.or.th, นพ.สมยศ กิตติมั่นคง หัวหน้ากลุ่มโรคเอดส์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขบทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน, www.pharmacy.mahidol.ac.th, รองศาสตราจารย์ ดร.นพมาศ สุนทรเจริญนนท์ และ ธิดารัตน์ จันทร์ดอน สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 

Astaxanthin (แอสตาแซนธิน) คือตัวเด่นด้านชะลอวัย  ที่ได้ทั้งเรื่องของสุขภาพและผิวพรรณ

Astaxanthin (แอสตาแซนธิน) คือตัวเด่นด้านชะลอวัย ที่ได้ทั้งเรื่องของสุขภาพและผิวพรรณ

มกราคม 03, 2568

  Astaxanthin (แอสตาแซนธิน) คือตัวเด่นด้านชะลอวัย ที่ได้ทั้งเรื่องของสุขภาพและผิวพรรณ📍 ดูแลสุขภาพจากภายใน 📍 ดูแลผิวจากรังสี UV 📍 ชะลอความเสื่อมของเซลล์📍 ทำให้ผิวดีนุ่มลื่นแลดูสุขภาพดีครับ     แต่ที่หลายคนไม่รู้คือ Astaxanthin ละลายได้ดีในไขมัน ถ้าจะกิน Astaxanthinให้ดูดซึมได้ดี ต้องห่อหุ้มด้วยน้ำมันครับ (จะดูดซึมได้ดีกว่าแบบผง และแคปซูลแข็ง)Line             : @MSP56Shopee       : MSPHerbal       อย่าง Astaxanthin ของ MSP  ในเม็ดซอฟท์เจลนี้ประกอบไปด้วย สาหร่ายฮีโมคอคคัสพลูวิเอลิส ที่ให้ Astaxanthin 6 มิลลิกรัม ใส่มาพร้อมกับ📍 น้ำมันมะพร้าว📍 น้ำมันเมล็ดองุ่น📍 น้ำมันรำข้าว     เป็น 3 น้ำมันจากธรรมชาติ ใส่มาพร้อมกับ Astaxanthin ก็จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมAstaxanthin ได้ดีขึ้นครับและตัวน้ำมันทั้ง 3 ตัวยังช่วยส่งเสริมเรื่องการดูแลสุขภาพและผิวพรรณอีกด้วยครับนอกจากนั้นยังมี📍 สารสกัดทับทิม📍 คอลลาเจนไตรเปปไทด์📍 วิตามินอี เสริมเรื่องดูแลผิวให้ดูดีขึ้นอีกขั้น ทำมาในแบบซอฟท์เจลที่ห่อหุ้มสารสกัดแบบน้ำมันได้ดี ทานง่าย ดูดซึมไวครับ  เป็นแผงแบบแยกเม็ด ไม่ปนกัน ป้องกันการปนเปื้อนได้ดีและพกพาสะดวกครับ   และแบรนด์ MSP เป็นแบรนด์เดียวกันกับ THP เป็นการรีแบรนด์ จาก THP ที่มาตรฐานดีอยู่แล้วเป็น MSP เพื่อมาตรฐานที่ดียิ่งขึ้นครับมาตรฐานโรงงานการผลิตระดับสากลแบบไฮเกรดมั่นใจ เรื่องคุณภาพและความปลอดภัยได้เลยครับ  Line             : @MSP56Shopee       : MSPHerbalWebSite     : https://msp-th.com/th/productsเลข อย.        : 13-1-01563-5-0447

น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส Primrose Oil-1000 จาก MSP

น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส Primrose Oil-1000 จาก MSP

มกราคม 02, 2568

   💃🏻สาวๆ ใครมีอาการก่อนมีประจำเดือน💃🏻 📍ปวดคัดหน้าอก 📍หงุดหงิดง่าย 📍อารมณ์แปรปรวน 📍เข้าสู่ช่วงวัยทอง ☘️แนะนำน้ำมันอิฟนิ่งพริมโรสเลยค่ะ ☘️  ติดต่อเราLine: @MSP56Youtube: @MiracleSiamProductShopee shop: mspherbal Click picture to view in Shopee 💕น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส 1000 มิลลิกรัม💕  💕Primrose Oil -1000 ของ MSP💕 📍น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส มี GLA สูง      ซึ่ง GLA เป็นกรดไขมันจำเป็นต่อร่างกายแต่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ โดยมีการศึกษาโดยให้อาสาสมัครรับประทาน น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส ในขนาด 2.6 ถึง 5.2 กรัมต่อวัน พบว่าอาการก่อนมีประจำเดือน หรือ PMS ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติ (จากงานวิจัย) https://e-jmm.org/DOIx.php?id=10.6118/jmm.18190 📍น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส ของ MSP      ให้กรดไลโนเลอิกที่ 750 mg ซึ่งมี GLA สูงถึง 115 mg ต่อเม็ด มาในรูปแแบบแคปซูลนิ่มบรรจุลงแผงพกพาสะดวก หมดปัญหาแคปซูลชื้นเหนียว จากการโดนอากาศ   Primrose Oil-1000 ผลิตภายใต้โรงงานที่มีมาตรฐาน GHPs และ HACCP จึงมั่นใจคุณภาพได้เลยค่ะ   🍽️ขนาดที่แนะนำให้รับประทาน    📍สำหรับปรับ(ช่วยอาการก่อนมีประจำเดือน) ทั่วไป หรืออาการวัยทอง อยู่ที่  ☘️1 แคปซูล เช้า เที่ยง เย็น พร้อมอาหาร ☘️วันละ 3 มื้อ (วันละ 3 แคปซูล)          📍หรือถ้าจะทานเพื่อหวังผลให้ผิวชุ่มชื้น หรือคนที่มีผิวหนังอักเสบ   ☘️แนะนำรับประทานวันละ 1-2 แคปซูล    ติดต่อเราLine: @MSP56Youtube: @MiracleSiamProductShopee shop: mspherbal https://vt.tiktok.com/ZSrr9kgBw/https://www.tiktok.com/@an_annicha#MSP #อาหารเสริม #MiracleSiamProduct #น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส #PrimroseOil #ผิวชุ่มชื้น #ลดสิว #พริมโรส #ปวดประจำเดือน #msp-th #Omega6 #GLA #ไลโนเลอิก #อีฟนิ่งพริมโรส